รมว.พม. เปิดโรงรับจำนำของรัฐแห่งใหม่ สาขาที่ ๒๑ แห่งใหม่ เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

21 Nov 2014
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานพิธีเปิดสถานธนานุเคราะห์สาขาที่ ๒๑ แห่งใหม่ เขตดอนเมือง เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโรงรับจำนำของรัฐบาลมากขึ้น รวมทั้ง เพื่อป้องกันการพึ่งเงินกู้นอกระบบ ที่มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่สูง ซึ่งเป็นการช่วยเหลือประชาชนอีกทางหนึ่ง ณ สถานธนา นุเคราะห์สาขาที่ ๒๑ ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคง ของมนุษย์ กล่าวว่า สถานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำของรัฐ เป็นสถาบันรับจำนำของรัฐบาลที่มุ่งให้บริการ ที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว และยึดหลักธรรมมาภิบาล โดยในปี ๒๕๕๖ ได้รับรางวัลรัฐวิสาหกิจดีเด่น ประเภทการพัฒนาองค์กรดีเด่น ด้านการบริหารจัดการสารสนเทศ ปัจจุบัน มีสาขาทั้งสิ้น ๓๔ แห่ง ตั้งอยู่ในเขตต่างๆ ของกรุงเทพฯ จำนวน ๒๙ แห่ง ปริมณฑล ๓ แห่ง ได้แก่ จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และส่วนภูมิภาค ๑ แห่ง ได้แก่ จังหวัดระยอง โดยสาเหตุที่มีการเปิดที่ทำการโรงรับจำนำของรัฐสาขาที่ ๒๑ แห่งใหม่นี้ เนื่องจากอาคารเดิมบริเวณแยกพงษ์เพชร ถนนงามวงศ์วาน เกิดการทรุดตัว จึงย้ายไปจัดตั้ง ณ สถานที่ทำเลใหม่ หลังสำนักงานเขตดอนเมือง เลขที่ ๒๙๕/๙-๒๙๕/๑๐ ถนนช่างอากาศอุทิศ แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ

พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวต่อไปว่า สถานธนานุเคราะห์ หรือโรงรับจำนำของรัฐ จัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ประสบปัญหาเฉพาะหน้าขาดแคลนเงินใช้ในการดำรงชีพและการประกอบอาชีพ โดยนำทรัพย์สินมาจำนำ เสียดอกเบี้ยในอัตราต่ำและเป็นการตรึงระดับดอกเบี้ยรับจำนำ ไม่ให้โรงรับจำนำเอกชนเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ จากประชาชนผู้ใช้บริการเกินอัตราที่กฎหมาย (พระราชบัญญัติโรงรับจำนำ) กำหนด

ทั้งนี้ “สถานธนานุเคราะห์ มีการคิดอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งนับว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง และได้มีการปรับภาพลักษณ์ เปลี่ยนโฉมการบริการใหม่ ตั้งแต่เรื่องภาพลักษณ์ภายนอก ให้ดูมีความสะดวกสบายมากขึ้น คล้ายคลึงสถาบันการเงินต่างๆ ตลอดจนการนำเอาเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการที่สะดวก รวดเร็ว และมีมาตรฐานมากยิ่งขึ้น สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ใช้มาบริการ” พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวตอนท้าย.