นางมหา คิวบาร์รูเบีย ผู้อำนวยการองค์การแพลนอินเตอร์เนชั่นแนล สำนักงานประเทศไทย เปิดเผยว่า ในประเทศไทยมีประชากรอยู่เกือบ 7.1 ล้านคน จาก ในจำนวนประชากรทั้งหมดนี้ 11 เปอร์เซ็นต์เป็นกลุ่มคนมีฐานะยากจนซึ่งมีอยู่ทั่วทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล แต่ที่มีจำนวนกลุ่มยากจนมากที่สุดอยู่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่มีอยู่ประมาณ 60 เปอรเซ็นต์ของจำนวนประชากรในประเทศไทย ส่วนทางภาคเหนือถือเป็นอันดับสองและเป็นพื้นที่การทำงานของเรา เพราะหากพวกเขาสามารถเข้าถึงการหางานทำทีดีได้ก็จะสามารถมีรายได้ช่วยเหลือครอบครัวได้เช่นเดียว โดยเฉพาะกับเด็กสาวที่อยู่ในวัยแรงงาน ที่อาจจะมีจำนวนน้อยกว่าผู้ชายแต่กระนั้นก็ยังเด็กสาวหลายคนvโดยเฉพาะกลุ่มที่ตกการสำรวจสถานะบุคคล หรือไม่มีสัญชาติไทย ทำให้พวกเธอหลายคนต้องหัน ไปทำงานที่มีรายได้ที่ต่ำกว่าค่าแรงมาตราฐานทั่วไป ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะไปทำงานตามไร่หรือสวน โดยมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่วันละ 120-200บาท แต่การทำงานเช่นก็ไม่ได้เป็นผลดีเสมอไป เพราะจะ ถูกกดค่าแรงเนื่องจากไม่มีบัตรประชาชน บางคนก็จะไปทำงานในร้านอาหารคาราโอเกะ ซึ่งเสี่ยง ต่อเรื่องการค้ามนุษย์อีก มองในมุมกลับกัน หากมีการสนับสนุนให้เกิดการศึกษากับพวกเธอ ก็จะสามารถสร้างโอกาสดีๆ รวมไปถึงได้งานที่ดีด้วยเช่นด้วยกัน สิ่งเหล่านี้สามาถยกระดับคุณภาพ ชีวิตของพวกเธอให้ดีขึ้น แต่สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปไม่ได้เลยหากเราไม่ได้รับการสนับสนุนจาก ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โครงการเพราะฉันคือเด็กผู้หญิงปีนี้ จึงต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามามีบทบาท ในการสนับสนุนการศึกษาของเด็กผู้หญิงรวมถึงการหางานทำ ซึ่งเราได้รับการตอบรับอย่างดีจาก สมาคมหอการค้าอเมริกันสำหรับการร่วมเป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ เพื่อชักชวนให้ภาคธุรกิจที่เป็นสมาชิก ของหอการค้าฯ ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันการศึกษา ให้เด็กสาวและเป็นตลาดแรงงาน ให้พวกเขาได้อีกด้วย” นางมหากล่าว
นอกจากจะมีการเสวนาบทบาทของภาคธุรกิจให้กับเด็กสาวแล้ว ยังมีกิจกรรมที่เป็นการส่งเสริม ความรู้ทางด้านธุรกิจ ให้กับเด็กและเยาวชนในโรงเรียนภายใต้โครงการนักธุรกิจน้อยร่วมออกร้านนำเสนอ โดยนำเสนอผลงานและผลิตภัณฑ์อาทิเช่น น้ำสมุนไพร ถั่วเคลือบ การทำไข่เค็ม และลูกโป่งดัด หลากหลายสี ที่เกิดจากการวางแผนธุรกิจร่วมกันระหว่าางเด็กนักเรียนและคุณครูภายในโรงเรียน