กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติยืนยันการแก้ กม.ปิโตรเลียมทุกครั้งเน้นประโยชน์ของชาติ

17 Nov 2014
กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ยืนยันการแก้กฎหมายปิโตรเลียมทุกครั้ง เน้นผลประโยชน์ของประเทศ มิได้มีเป้าหมายเอื้อประโยชน์แก่ผู้รับสัมปทานรายใด

​ตามที่มีประเด็นการเผยแพร่ข่าวในหนังสือพิมพ์บางฉบับเมื่อเร็วๆนี้ เกี่ยวกับการแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม ในปี 2550 ในประเด็นการแก้ไขข้อจำกัดในการถือครองจำนวนแปลงสำรวจตามสัมปทานว่าอาจไปเอื้อประโยชน์ให้ผู้ประกอบการบางราย นั้นกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ขอชี้แจงว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

​ทั้งนี้ จากข้อมูลการสำรวจปิโตรเลียมที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2514 จนถึงปี 2547 ที่มีการเปิดสัมปทานไปแล้ว 19 ครั้ง พบว่าแหล่งปิโตรเลียมของประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นแหล่งขนาดเล็ก และอยู่กระจัดกระจาย รวมทั้งมีแหล่งปิโตรเลียมที่มีความเสี่ยงสูงในการลงทุน แต่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาเพื่อผลิต ดังนั้น การที่จะจูงใจบริษัทเข้ามาลงทุนในประเทศที่มีแหล่งปิโตรเลียมขนาดเล็ก หรือมีศักยภาพต่ำ จึงต้องมีระบบกฎหมายที่เอื้อต่อการพัฒนาแหล่ง โดยมีหลักการแบ่งผลประโยชนที่เป็นธรรม

​ในปี 2548 กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จึงได้ว่าจ้างศูนย์วิจัยกฎหมายและการพัฒนา คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษามาทำการศึกษา และปรับปรุงแก้ไข พระราชบัญญัติปิโตรเลียม รวมทั้งยกร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียมฉบับแก้ไขเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์พลังงานโลกและของประเทศไทย ให้มีความคล่องตัว สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นโดยเพิ่มแรงจูงให้มีการสำรวจและผลิตในพื้นที่ๆที่มีความเสี่ยงในการลงทุน หรือพื้นที่มีกำลังการผลิตลดต่ำลง ปรับปรุงขั้นตอนการอนุมัติ อนุญาตเกี่ยวกับการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมให้รวดเร็วยิ่งขึ้น และมีการเพิ่มบทบัญญัติเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง วัสดุอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่อายุการใช้งานออกจากพื้นที่ผลิต เพื่อมิให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยร่างพระราชบัญญัติที่มีการศึกษาปรับปรุงดังกล่าว กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้นำเสนอตามขั้นตอน จนสามารถผ่านความเห็นของคณะรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2550 เป็นต้นมา

​ทั้งนี้ ในกรณีที่มีการแก้ไขพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2550 มาตราที่ 28 เรื่องการยกเลิกกำหนดจำนวนแปลง และพื้นที่รวมของแปลงสำรวจปิโตรเลียมตามสัมปทาน นั้น มีผลสำหรับผู้รับสัมปทานตั้งแต่รอบที่ 20 จนถึงปัจจุบัน โดยบังคับใช้สำหรับผู้รับสัมปทานทุกรายมิได้จำกัด หรือเอื้อประโยชน์แก่รายใดรายหนึ่ง

กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ขอยืนยันว่าการดำเนินภารกิจเพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทุกขั้นตอนเป็นไปด้วยความโปร่งใส ชัดเจน ผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบจากทั้งผู้แทนของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายภาคส่วน โดยมุ่งเน้นผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ