นายวิวัฒน์ ตีระวนิชพงศ์ กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟท) กล่าวว่า สำหรับการก้าวขึ้นสู่ทศวรรษที่ 2 ของเอเฟท เราได้ตั้งเป้าหมายที่จะยกระดับเอเฟทให้เป็นตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าเกษตรล่วงหน้าระดับสากล และสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องทั้งรายได้ ฐานนักลงทุน และการนำสินค้าเข้าซื้อขายหรือการพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองกับความต้องการของนักลงทุนยิ่งขึ้น โดยทิศทางหลักที่จะดำเนินการในช่วงทศวรรษที่ 2 นี้ ประกอบด้วย
การปรับยุทธศาสตร์องค์กรใหม่ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรให้สามารถก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ ที่เอเฟทได้ประสบในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา โดยการพัฒนาบุคลากร ซึ่งเป็นทรัพยากรสำคัญที่จะขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุความสำเร็จ รวมถึงพัฒนากระบวนการทำงาน ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพื่อเป็นการปรับตัวให้สามารถแข่งขันได้ในโลกธุรกิจที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และการสร้างความเชื่อมั่นกับผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในกลุ่มเกษตรกร กลุ่มนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความไว้วางใจที่จะเข้ามาซื้อขาย หรือประกันความเสี่ยง
นอกจากนี้ เอเฟทจะเดินหน้าตามแผนธุรกิจ 5 ปี ภายใต้ “AFET VISION 2020” เพื่อยกระดับเอเฟทให้เป็นตลาดล่วงหน้าระดับสากล โดยการปรับฐานธุรกิจใหม่ให้เอเฟทสามารถแข่งขันกับตลาดล่วงหน้าอื่นได้ เช่น การปรับปรุงระบบการซื้อขายให้สามารถใช้ Mobile Trading การปรับลดค่าธรรมเนียมซื้อขาย การสร้างบรรยากาศการแข่งขันระหว่างโบรกเกอร์ด้วย Reward Program การพิจารณากฎเกณฑ์ต่างๆ ให้เอื้ออำนวยต่อการเข้ามาของผู้ประกันความเสี่ยงและนักลงทุนให้มากยิ่งขึ้น และการเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่มีศักยภาพในระดับภูมิภาค เพื่อจูงใจนักลงทุนต่างชาติ
ทั้งนี้ แผนระยะยาวเอเฟทจะเริ่มปรับมาตรฐานให้สามารถ Benchmark กับตลาดล่วงหน้าระดับโลกอย่าง CME (Chicago Mercantile Exchange) เพื่อให้อยู่ในระดับสากล และประกาศให้เอเฟทเป็น World Class Commodity Exchange ในปี 2020 ได้ในที่สุด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit