บตท. หรือผู้ค้ำประกันก่อตั้งในปี 2540 ภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) บรรษัทตลาดรองสินเชื่อที่อยู่อาศัย พ.ศ. 2540 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1,000 ล้านบาท บตท. มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจประเภทสถาบันการเงินเฉพาะกิจ สังกัดกระทรวงการคลัง ซึ่งมีบทบาทในการพัฒนาตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยโดยใช้วิธีการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ในการระดมทุน ภายใต้ พ.ร.ก. ดังกล่าว รัฐบาลสามารถค้ำประกันตราสารหนี้ที่ออกโดย บตท. ได้ไม่เกิน 4 เท่าของเงินกองทุน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2557 บตท. มีเงินกองทุนอยู่ที่ 867 ล้านบาท ดังนั้น รัฐบาลจึงสามารถค้ำประกันหนี้ของ บตท. ได้ถึง 3,468 ล้านบาท โดย บตท. จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนเรียกเก็บหนี้และผู้ให้เงินกู้ยืมเพื่อเสริมสภาพคล่องของโครงการด้วย
เอสพีวี หรือผู้ออกตราสาร ได้รับการจัดตั้งขึ้นภายใต้กฎหมายของประเทศไทยและได้รับอนุญาตให้มีสถานะเป็นนิติบุคคลเฉพาะกิจตาม พ.ร.ก. นิติบุคคลเฉพาะกิจเพื่อการแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์จากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ผู้ถือหุ้นของเอสพีวีประกอบด้วย บตท. ซึ่งถือหุ้น 48% บริษัท บริการดี จำกัด ซึ่งถือหุ้น 48.99% และบุคคลทั่วไปซึ่งถือหุ้น 3.01% ในช่วงแรกของโครงการ ผู้ออกตราสารจะออกตราสารหนี้มูลค่ารวม 2,037.38 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย หุ้นกู้มีการค้ำประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้นในวงเงิน 1,500 ล้านบาทและหุ้นกู้ด้อยสิทธิในวงเงิน 537.38 ล้านบาท โดยหุ้นกู้มีการค้ำประกันจะเสนอขายให้แก่นักลงทุน ในขณะที่หุ้นกู้ด้อยสิทธิจะถือโดย บตท. หุ้นกู้ด้อยสิทธิมีสถานะด้อยกว่าหุ้นกู้ที่ไดัรับการจัดอันดับเครดิตและเป็นปัจจัยที่ช่วยเสริมอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกัน เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้จะนำไปใช้ซื้อสิทธิเรียกร้องในค่างวดของกองลูกหนี้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (สินทรัพย์) ที่ บตท. ซื้อจากธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK หรือผู้ขาย) โดยมูลค่าเงินต้นของกองสินทรัพย์ดังกล่าวอยู่ที่ 1,982.96 ล้านบาท
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 มูลค่าคงเหลือของหุ้นกู้มีการค้ำประกันอยู่ที่ 1,408 ล้านบาท ในขณะที่กองสินเชื่อมีมูลค่าเงินต้นคงเหลือจำนวน 1,819.39 ล้านบาท โดยในช่วงเดือนมกราคม 2557 ถึงเดือนกันยายน 2557 เอสพีวีได้รับชำระเงินค่าผ่อนชำระรายเดือนจากลูกหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นจำนวนทั้งสิ้น 238.85 ล้านบาท ประกอบด้วยเงินต้นที่ได้รับชำระคืนตามกำหนดเวลาจำนวน 105.41 ล้านบาท ดอกเบี้ยจำนวน 70.67 ล้านบาท และเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดจำนวน 62.77 ล้านบาท โดยจำนวนเงินต้นที่ได้รับคืนก่อนกำหนดคิดเป็นประมาณ 3.17% ของเงินต้นในช่วงเริ่มต้นทั้งหมดจำนวน 1,982.96 ล้านบาท ในขณะที่หนี้ที่มีการผิดนัดชำระสุทธิ (หลังหักหนี้ผิดนัดชำระที่ได้รับคืน) อยู่ที่ 22.67 ล้านบาท หรือประมาณ 1.14% ของมูลค่าเงินต้นของกองสินทรัพย์
เงินค่าผ่อนชำระที่ได้รับในแต่ละเดือนนั้นจะนำเข้าบัญชีของ บตท. ก่อน หลังจากนั้นจะโอนเข้าบัญชีของผู้ออกตราสารทุกสิ้นเดือน ส่วนเงินค่าผ่อนชำระที่เป็นส่วนของเงินต้นจะนำไปใช้ชำระเงินต้นของหุ้นกู้มีการค้ำประกัน ส่วนที่เหลือประมาณ 10% ของเงินค่าผ่อนชำระรายเดือนหลังหักค่าใช้จ่ายต่างๆ จะนำไปเก็บไว้ในบัญชีสำรอง หลังจากนั้นจึงจะนำกระแสเงินสดที่เหลือไปชำระคืนเงินกู้ยืมจาก บตท. (ถ้ามี) แล้วจึงจะนำไปชำระคืนเงินต้นของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ ส่วนของเงินค่างวดที่เป็นดอกเบี้ยจะนำไปใช้ชำระดอกเบี้ยของหุ้นกู้มีการค้ำประกัน รวมถึงค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นหลัก ณ สิ้นเดือนกันยายน 2557 มูลค่าหุ้นกู้ด้อยสิทธิอยู่ที่ 477.23 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25.3% ของมูลค่าหุ้นกู้รวมคงค้างทั้งหมด ลดลงเล็กน้อยจาก 26.4% ของมูลค่าหุ้นกู้ทั้งหมดในช่วงเริ่มต้นโครงการ
หุ้นกู้มีการค้ำประกันภายใต้โครงการนี้จะมีการทยอยชำระคืนเงินต้นตลอดอายุหุ้นกู้ประมาณ 23% ดังนั้น การชำระคืนเงินต้นทั้งหมดในวันที่ครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้จะขึ้นอยู่กับความสามารถของ บตท. ซึ่งเป็นผู้ค้ำประกัน ในการซื้อคืนสิทธิเรียกร้องคงเหลือทั้งหมดกลับไป นอกจากนี้ ตลอดอายุของหุ้นกู้มีการค้ำประกัน บตท. ยังตกลงที่จะให้เงินกู้ยืมแก่ผู้ออกตราสารในกรณีที่ผู้ออกตราสารขาดสภาพคล่องอีกด้วย ดังนั้น อันดับเครดิตของหุ้นกู้มีการค้ำประกันจึงจะเปลี่ยนแปลงไปตามการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตของผู้ค้ำประกันบริษัท นิติบุคคลเฉพาะกิจ บตท. (6) จำกัด (SPV-SMC (6)) อันดับเครดิตตราสารหนี้: MBSC16DA: หุ้นกู้มีการค้ำประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้น 1,408 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-(sf)
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit