นายณฤกษ์ กล่าวว่า กระบวนการผลิตไส้กรอกของซีพีเอฟ เริ่มจากการคัดเลือกวัตถุดิบเนื้อสัตว์คุณภาพดีจากฟาร์มของซีพีเอฟที่มีเทคโนโลยีการผลิตสุกรปลอดสารที่ก้าวหน้าและมีมาตรฐาน จากนั้นสุกรปลอดสารดังกล่าวจะเข้าสู่โรงงานแปรรูปสุกรที่ทันสมัยภายใต้การรับรองมาตรฐานการส่งออก การตัดแต่งสุกรจะแยกชิ้นส่วนประเภทเนื้อ เช่น สันใน สันนอก สามชั้น สะโพก ฯลฯ โดยเนื้อแต่ละชิ้นส่วนจะถูกเก็บรักษาและขนส่งมายังโรงงานผลิตไส้กรอกโดยการควบคุมอุณหภูมิเย็นตลอดเวลา เพื่อให้ได้เนื้อสัตว์ที่สด สะอาด ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการเลือกใช้ส่วนผสมเฉพาะจากแหล่งผลิตที่ได้มาตรฐานทั่วโลก เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่คุณภาพดี รสชาติอร่อย มีความเป็นเอกลักษณ์ เป็นไปตามข้อกำหนดและกฎหมาย ทั้งยังผ่านการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดก่อนรับเข้าสู่กระบวนการผลิต
“เป็นไปไม่ได้เลยที่การผลิตไส้กรอกจะใช้หมูทั้งตัวมาผลิต เพราะจะต้องมีการแยกประเภทชิ้นส่วนต่างๆที่เหมาะกับการผลิตไส้กรอกแต่ละชนิด ขณะเดียวกันหากมีสิ่งแปลกปลอม เช่น กระดูก ฟัน หรือ เครื่องใน ย่อมทำให้คุณภาพและรสชาติผิดเพี้ยน และผิวสัมผัสที่เปลี่ยนไป” นายณฤกษ์ กล่าว
นายณฤกษ์ กล่าวอีกว่า โรงงานผลิตไส้กรอก ซีพี ที่หนองจอก เมีการออกแบบกระบวนการผลิตที่สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอนการผลิต เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการรับวัตถุดิบจนถึงการขนส่งถึงมือลูกค้า ทำให้มั่นใจได้ถึงความสด สะอาด ปลอดภัยของไส้กรอกตราซีพี โรงงานแห่งนี้ยังให้ความสำคัญกับการจัดการสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์พลังงาน โดยมีการลงทุนกว่า 300 ล้านบาท ในการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม (Co-Generation) ทำให้ได้ไฟฟ้า-น้ำร้อน-ไอน้ำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตลดการใช้พลังงานธรรมชาติฟ และโครงการบำบัดน้ำเสียด้วยไบโอแก๊ส ขนาด 3,000 ลบ.ม. เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าใช้โรงงาน
นอกจากนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ปลอดภัย โดยคำนึงถึงความสะดวกและปลอดภัยของผู้บริโภคเป็นหลัก ด้วยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ชนิดเทอร์โมฟอร์มแบบฟิล์มหลายชั้น (Muti-layer thermoforming film) ซึ่งสามารถรักษาความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ ร่วมกับการบรรจุอัตโนมัติเพื่อช่วยลดการปนเปื้อนระหว่างการบรรจุ ทำให้อายุการเก็บของผลิตภัณฑ์นานขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค เพราะสามารถอุ่นร้อนได้อย่างปลอดภัยด้วยเตาไมโครเวฟ
สำหรับผลิตภัณฑ์ไส้กรอกของบริษัทฯ ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น มาตรฐานระบบคุณภาพและความปลอดภัยในอาหารของสหภาพยุโรป (The British Retail Consortium หรือ BRC), HACCP, ISO 9001, ISO 14001, ISO 18000 และล่าสุดได้รับการรับรองมาตรฐานระบบการจัดการด้านพลังงาน ISO 50001:2011 จากสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ จากความมุ่งมั่นด้านการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่า ด้วยระบบการจัดการที่มีประสิทธิภาพ และผลักดันให้บุคลากรทุกระดับร่วมกันอนุรักษ์พลังงานอย่างยั่งยืน
“ผลิตภัณฑ์ตราซีพี มีมาตรฐานอาหารปลอดภัยและคุณภาพสูง และผลิตด้วยเทคโนโลยีระดับโลกผ่านการรับรองมาตรฐานสินค้าอาหารสากลหลายสถาบัน ทั้งในสหรัฐ สหภาพยุโรป และเอเซีย” นายณฤกษ์ กล่าว./
HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit