“ตลอดระยะเวลากว่า 23 ปีของการให้บริการ นวัตกรรมที่เรานำมาใช้จึงมีทั้ง ด้าน Hardware เช่น อุปกรณ์เครือข่ายซึ่งทันสมัยและมีประสิทธิภาพที่สุด หรือ ด้าน Software เช่น การเปิดตัวบริการ TV on Mobile ครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อปีพ.ศ. 2546 รวมถึงด้าน Process หรือ กระบวนการทำงานซึ่ง เอไอเอสถือว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะวิธีการทำงานใหม่ๆ ย่อมสามารถที่จะสร้างสรรค์สิ่งที่กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกและมอบความประทับใจได้อย่างสูงสุดเช่นกัน อาทิ บริการ Call Center Jockey เมื่อปี พ.ศ. 2552 ที่พนักงานสามารถส่งเพลงให้ลูกค้าได้ แม้ลูกค้าจะจำชื่อเพลงไม่ได้ก็ตาม”
นายสมชัย กล่าวเสริมว่า “นอกจากนั้นสิ่งที่เราถือเป็นหน้าที่ในฐานะผู้ประกอบการไทย คือ การนำนวัตกรรมล้ำสมัยจากเทคโนโลยีใหม่ๆมาให้คนไทยทุกคนได้สัมผัส เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและให้ได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ อันจะทำให้มองเห็น Roadmap ของเทคโนโลยีสื่อสารล่าสุดที่เกิดขึ้นในระดับสากล อันอาจจะทำให้สามารถนำไปประยุกต์หรือต่อยอดได้อย่างเห็นภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในระดับบุคคล หรือ ระดับองค์กร
ดังนั้นล่าสุดจึง จับมือ กับ กลุ่มสิงค์เทล และทีม international vendors (EON Reality, Human Media Lab, BaseFX) เปิดตัวนวัตกรรม “AIS Future Cube” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นต้นแบบเทคโนโลยีครั้งแรกในโลก โดยนำเทรนด์ของ “Immersive Experience” มานำเสนอให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์สื่อสารแปลกใหม่ ที่เต็มอิ่ม ครบรส เสมือนจริงที่สุด ด้วยงบประมาณกว่า 60 ล้านบาท โดยตั้งอยู่ในบริเวณ Future Experience Zone ณ AIS Flagship Store ชั้น 4 ศูนย์การเซ็นทรัลเวิลด์ด้าน นางวิลาสินี พุทธิการันต์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านงานบริการและบริหารลูกค้า กล่าวว่า “AIS Flagship Store นอกจากจะเป็นศูนย์รวมงานบริการครบวงจรให้แก่ลูกค้าแล้ว นวัตกรรมด้านงานบริการที่ทันสมัยจะถูกนำมาเป็นสื่อกลางในการส่งมอบบริการให้แก่ลูกค้าเสมออีกด้วย อาทิ โต๊ะ Multi Touch Table ที่ช่วยให้ลูกค้าศึกษา เปรียบเทียบข้อมูลสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆเพียงปลายนิ้ว , พนักงานสมาร์ทกูรู ที่สามารถแนะนำเทคโนโลยีสื่อสารให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมไปถึงสรรหานวัตกรรมล้ำสมัยมาให้ได้สัมผัสก่อนใคร ดังเช่น “AIS Future Cube” ที่สามารถทำให้ความฝันของเราซึ่งต้องการจะไปอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่เราต้องการจะสื่อสารด้วย ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนในโลก เป็นความจริงได้จากเทคโนโลยีที่เราเลือกมานำเสนอในครั้งนี้”
AIS Future Cube เป็นการผสาน 3 เทคโนโลยีเข้าด้วยกัน ประกอบด้วย
1. Tele-Human (3D video conference system) เทคโนโลยีที่ประมวลผลการทำงานจากกล้อง 3D ซึ่งจะจับภาพและฉายภาพผู้เล่นออกมาในรูปแบบ 3 มิติ ที่ผู้เล่นทั้งสองมองเห็นกันเสมือนอยู่ข้างกัน
2. Immersive Cube ผสานการทำงานกับกล้อง 3D และสร้างสิ่งแวดล้อมเสมือนจริงออกมาในรูปแบบ 3 มิติ ที่จะทำให้ผู้เล่นจะมองเห็นในมุมมองที่เสมือนจริงในทุกมุมมอง ทุกองศา ซึ่งเป็นเทคโนโลยีชิ้นเดียวกันกับที่ใช้ในการสร้างภาพยนต์ชื่อดังในฮอลลีวูด
3. Multi-sensing Integration เทคโนโลยีการสื่อสารที่พัฒนาขึ้นสำหรับ AIS Future Cube โดยเฉพาะ ทำหน้าที่เชื่อมโยงการสื่อสารจากเทคโนโลยีทั้ง 2 ส่วน ได้แก่ 1. ภาพคู่สนทนา 3 มิติ ที่ได้จาก Tele-Human Technology และภาพจากการจำลองสิ่งแวดล้อม 3 มิติ ที่ได้จาก Immersive Cube โดยจะทำให้คู่สนทนาสามารถสื่อสารผ่านทางภาพและเสียงได้อย่างเสมือนจริงโดยลักษณะการนำเสนอ AIS Future Cube นี้ จะแบ่งเป็น 2 ห้อง ที่เปิดให้คู่สนทนาได้ Communicate และ interact กัน โดยทุกท่านจะได้สัมผัสประสบการณ์สื่อสารแบบ 3D Virtual ที่สามารถพูดคุย มองเห็นกันเสมือนเราไปสัมผัสที่แห่งนั้นด้วยกันจริงๆกับ 3 Theme ตัวอย่างที่จัดไว้ให้เลือก คือ Rooftop café, sky river และ Sky carousel รวมไปถึงสามารถเก็บภาพความประทับใจครั้งนี้ไว้เพื่อเป็นที่ระลึกด้วยกันได้อีกด้วย”
“AIS Future Cube พร้อมให้คนไทยทุกท่านได้สัมผัสแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ณ บริเวณ Future Experience ใน โดยตั้งอยู่ในบริเวณ Future Experience Zone ณ AIS Flagship Store ชั้น 4 ศูนย์การเซ็นทรัลเวิลด์ พบกับรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.ais.co.th
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit