MSD เตรียมเสนอข้อมูลใหม่เกี่ยวกับยา Sitagliptin และ Omarigliptin รวมถึงข้อมูลจริงจากการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ณ การประชุมวิทยาศาสตร์ครั้งที่ 74 ของสมาคมโรคเบาหวานแห่งอเมริกา

09 Jun 2014

ไวท์เฮาส์สเตชั่น, นิวเจอร์ซีย์--(บิสิเนส ไวร์)--6 มิ.ย. 2557

MSD หรือที่รู้จักกันในชื่อ Merck (NYSE:MRK) ในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา เตรียมนำเสนอ 13 ผลการศึกษาและการวิเคราะห์ใหม่ล่าสุด ซึ่งรวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับยา JANUVIA(R) (sitagliptin) ซึ่งเป็นยาต้านเอนไซม์ DPP-4 และยา omarigliptin ซึ่งเป็นยาต้านเอนไซม์ DPP-4 แบบทานสัปดาห์ละครั้ง ณ การประชุมวิทยาศาสตร์ครั้งที่ 74 ของสมาคมโรคเบาหวานแห่งอเมริกา (ADA) ซึ่งจะจัดขึ้นที่ซานฟรานซิสโก ระหว่างวันที่ 13-17 มิถุนายน 2557

บทวิเคราะห์จำนวนมากเกี่ยวกับผลการรักษาผู้ป่วยในสภาพจริงจะได้รับการนำเสนอในงานนนี้

“Merck ทุ่มเทให้กับการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคเบาหวานและเปลี่ยนแปลงวิธีจัดการกับโรคเบาหวานทั่วโลก ซึ่งถือเป็นพันธกิจหนึ่งของเราในการมุ่งสู่ความเป็นผู้นำของโลกด้านการดูแลผู้ป่วยโรคเบาหวาน” นายแพทย์ปีเตอร์ สไตน์ รองประธานฝ่ายวิจัยทางคลินิกสำหรับโรคเบาหวานและวิทยาต่อมไร้ท่อของ Merck Research Laboratories กล่าว “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้แบ่งปันข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับโรคเบาหวานและยารักษาโรค”

สาระสังเขปของการประชุม

ข้อมูลล่าสุด

ระยะรักษาเพื่อควบคุมให้โรคสงบโดยใช้ยา Metformin ควบคู่กับยา Sitagliptin วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในการศึกษาเชิงสังเกตชื่อ The ODYSSEE 12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

136-LB

การหยุดยาเม็ดลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวาน

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน

12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

160-LB

การประเมินระยะเวลาก่อนเริ่มใช้อินซูลิน หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิด วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ที่ 2 ได้รับยา Sitagliptin หรือ Sulfonylurea ร่วมกับยา Metformin 12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

169-LB

การวิจัยทางคลินิก

การรักษาทางคลินิก / ยาชนิดรับประทานที่ใช้เทคโนโลยีใหม่

ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำในเวลากลางคืน ซึ่งเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 Guided Audio Poster Tour ที่ได้รับการรักษาด้วย Insulin Glargine อย่างเดียวหรือร่วมกับยา Sitagliptin

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน

12.30-13.20 น. ตามเวลา PDT

General Poster Session

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน

12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

1027-P

การใช้ยา Sitagliptin เสริมการรักษา ช่วยให้การควบคุมน้ำตาลมี วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ประสิทธิภาพมากขึ้นและคงทนยาวนาน ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT ในญี่ปุ่นซึ่งรักษาด้วยยา Glinides เพียงอย่างเดียว

1039-P

ความสามารถของร่างกายมนุษย์ในการดูดซึม เผาผลาญ และขับยา

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน Omarigliptin ซึ่งเป็นยาต้านเอนไซม์ DPP-4 แบบทานสัปดาห์ละครั้ง 12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

1080-P

การศึกษาเชิงสังเกต

ระบาดวิทยา

การใช้ยา Sulfonylurea และความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ Guided Audio Poster Tour ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จากการศึกษาแบบ Cohort Study ในผู้ป่วยสตรี

วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน

11.30-12.20 น. ตามเวลา PDT

General Poster Session

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน

12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

1426-P

ปัจจัยในการหยุดยา Sulfonylurea ในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เริ่มใช้อินซูลิน วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน

12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

1521-P

ปัจจัยเสี่ยงเกี่ยวกับการหยุดยาและการลดยาของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ที่ใช้ยา Sulfonylureas

12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

1522-P

ความถี่ของการลืมกินยาในกลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ในสหรัฐอเมริกา วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน

12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

1528-P

ลักษณะการใช้ยา Sitagliptin ในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่2 และโรคไตวายเรื้อรัง วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน

12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT

1431-P

การรักษา / ยาชนิดรับประทานที่ใช้เทคโนโลยีใหม่

การวิเคราะห์ปริมาณอัลบูมินในปัสสาวะของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ที่ได้รับยา Sitagliptin เป็นตัวเสริมในการรักษา นอกเหนือจาก 12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT การใช้ยา Metformin เป็นหลัก ในการศึกษาข้อมูลจากสภาพจริง 1061-P

การนำเสนอบริการดูแลสุขภาพ / เศรษฐศาสตร์

การปฏิบัติตามแนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2

วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ที่ได้รับยา Metformin เพียงอย่างเดียว และการควบคุมน้ำตาลไม่ได้ระดับที่เหมาะสม 12.00-14.00 น. ตามเวลา PDT ใน Israeli Managed Care

1168-P

เกี่ยวกับ JANUVIA(R) (sitagliptin)

ยา JANUVIA(TM) เป็นตัวช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 นอกเหนือไปจากการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย โดยสามารถใช้เดี่ยวๆ หรือใช้ร่วมกับยา metformin หรือยา PPARgamma agonist ก็ได้ ขณะเดียวกันยังสามารถใช้เป็นยาเสริมเมื่อการใช้ยา metformin, PPARgamma agonist, sulfonylurea, sulfonylurea + metformin หรือ PPARgamma agonist + metformin ร่วมกับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายไม่สามารถควบคุมน้ำตาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ JANUVIA ร่วมกับการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และอินซูลิน (ใช้หรือไม่ใช้ยา metformin ด้วยก็ได้) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาล

ข้อมูลความปลอดภัยบางส่วนที่สำคัญเกี่ยวกับยา Sitagliptin

ยา JANUVIA อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ยาในผู้ป่วยที่ไวต่อส่วนประกอบใดก็ตามในยาตัวนี้ และไม่ควรใช้ยา JANUVIA กับผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 หรือผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะ diabetic ketoacidosis

รายงานหลังวางตลาดผลิตภัณฑ์หลายฉบับเผยให้เห็นว่า ผู้ป่วยที่ใช้ยา JANUVIA อาจเกิดอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ทั้งแบบที่มีอันตรายถึงชีวิตและไม่อันตรายถึงชีวิต เช่น ตับอ่อนอักเสบแบบมีเลือดออกหรือแบบมีเนื้อตายเฉพาะส่วน รายงานเหล่านี้จัดทำขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากประชากรที่มีจำนวนไม่แน่นอน จึงไม่สามารถประเมินได้ว่าความถี่ในการเกิดอาการดังกล่าวมีมากน้อยเพียงใด และไม่สามารถตั้งสมมติฐานความสัมพันธ์ระหว่างการทานยากับอาการที่เกิดขึ้นได้ ผู้ป่วยควรทราบถึงลักษณะของอาการตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน นั่นคือการปวดท้องอย่างรุนแรงและเรื้อรัง อย่างไรก็ดี สังเกตได้ว่าอาการดังกล่าวจะทุเลาลงหลังหยุดใช้ยา JANUVIA ดังนั้นหากสงสัยว่ามีอาการตับอ่อนอักเสบ ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยา JANUVIA และยาอื่นๆที่ต้องสงสัย นอกจากนี้ ควรมีการปรับเปลี่ยนปริมาณยาในผู้ป่วยที่มีอาการไตวายแบบทั่วไปหรือแบบรุนแรง หรือเป็นโรคไตขั้นสุดท้ายและต้องได้รับการฟอกเลือดหรือล้างไตทางช่องท้อง

เมื่อใช้ยา JANUVIA ร่วมกับยา sulfonylurea หรืออินซูลิน ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำนั้น พบว่าโอกาสที่จะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเพราะได้รับการกระตุ้นจากยา sulfonylurea หรืออินซูลินมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอก ในการลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะดังกล่าว อาจต้องมีการลดปริมาณยา sulfonylurea หรืออินซูลิน

นอกจากนี้ยังมีรายงานหลังวางตลาดผลิตภัณฑ์หลายฉบับซึ่งเผยให้เห็นว่า ผู้ป่วยที่ใช้ยา JANUVIA อาจเกิดอาการแพ้ยาอย่างรุนแรง ได้แก่ อาการแพ้รุนแรง การบวม และผิวลอก รวมถึงกลุ่มอาการสตีเฟนส์-จอห์นสัน รายงานเหล่านี้จัดทำขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากประชากรที่มีจำนวนไม่แน่นอน จึงไม่สามารถประเมินได้ว่าความถี่ในการเกิดอาการดังกล่าวมีมากน้อยเพียงใด และไม่สามารถตั้งสมมติฐานความสัมพันธ์ระหว่างการทานยากับอาการที่เกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ดี อาการเหล่านี้เกิดขึ้นภายใน 3 เดือนแรกหลังเริ่มใช้ยา JANUVIA และมีบางกรณีที่เกิดอาการหลังใช้ยาครั้งแรก ดังนั้นหากสงสัยว่ามีอาการแพ้ยา ผู้ป่วยควรหยุดใช้ยา JANUVIA จากนั้นประเมินปัจจัยอื่นๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการแพ้ยา และหาทางเลือกใหม่ในการรักษาโรคเบาหวาน

ในการศึกษาทางคลินิกหลายครั้ง ซึ่งมีทั้งการใช้ยา JANUVIA เดี่ยวๆ และใช้ร่วมกับยาตัวอื่นๆ พบว่าอัตราการเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์โดยไม่คำนึงถึงเหตุอยู่ที่ระดับ ≥ 5% ของผู้ป่วย และพบมากกว่าในกลุ่มที่ใช้ยาหลอกหรือกลุ่มเปรียบเทียบ โดยอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นประกอบด้วย ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โรคเยื่อจมูกและลำคออีกเสบ โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจส่วนบน อาการปวดศีรษะ และอาการบวมตามแขนขา

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้ที่เอกสารกำกับยา

ในการศึกษาทางคลินิกหลายครั้ง ความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยา JANUVIA ในผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) อยู่ในระดับเดียวกับผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 65 ปี จึงไม่จำเป็นต้องปรับปริมาณยาตามอายุของผู้ป่วย แต่อาจต้องมีการปรับเปลี่ยนในผู้ป่วยสูงวัยที่เป็นโรคไตวายอย่างรุนแรง

โปรดศึกษาข้อมูลการสั่งจ่ายยาทั้งหมดก่อนเริ่มการรักษา

เกี่ยวกับ MSD

MSD คือผู้นำด้านการดูแลสุขภาพระดับโลกซึ่งทำงานอย่างหนักเพื่อช่วยให้ผู้คนทั่วโลกมีสุขภาพดี MSD เป็นชื่อทางการค้าของบริษัท Merck & Co., Inc. และมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในไวท์เฮาส์สเตชั่น รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เรานำเสนอโซลูชั่นเพื่อสุขภาพที่ทันสมัยมากมาย ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยาตามใบสั่งแพทย์ วัคซีน สารชีวบำบัด รวมถึงผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพคนและสัตว์ ให้แก่ลูกค้าในกว่า 140 ประเทศ นอกจากนี้ เรายังมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้มากขึ้น ผ่านทางนโยบายที่ครอบคลุม โครงการต่างๆ และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรมากมาย สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.msd.com

ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ข่าวประชาสัมพันธ์ฉบับนี้มี “ข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า” ตามที่มีการจำกัดความในกฎหมายปฏิรูปการฟ้องร้องคดีหลักทรัพย์ส่วนบุคคลปี 2538 ของสหรัฐอเมริกา (United States Private Securities Litigation Reform Act of 1995) ข้อความเหล่านี้อ้างอิงจากความเชื่อและความคาดหมาย ณ ปัจจุบันของผู้บริการ MSD ซึ่งมีทั้งความเสี่ยงและความไม่แน่นอน เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะได้รับการอนุมัติหรือประสบควาสำเร็จในการวางตลาด หากสมมติฐานของเราผิดพลาดหรือความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่างๆได้ปรากฏขึ้นมาจริงๆ อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงออกมาแตกต่างอย่างมากจากที่เราคาดการณ์ไว้ในข้อความคาดการณ์ล่วงหน้า

ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนมีอยู่มากมายหลายประการ เช่น สภาพอุตสาหกรรมโดยทั่วไปและสภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรม, ปัจจัยทางเศรษฐกิจโดยทั่วไป ซึ่งรวมถึงความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ, ผลกระทบจากกฎหมายในอุตสาหกรรมเวชภัณฑ์และเฮลธ์แคร์ในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก, แนวโน้มการควบคุมต้นทุนด้านเฮลธ์แคร์ทั่วโลก, การพัฒนาเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ใหม่ และการขอสิทธิบัตรโดยคู่แข่งของบริษัท, ความท้าทายต่างๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งรวมถึงการขอใบอนุญาต, ความสามารถของ MSD ในการคาดการณ์สภาพตลาดในอนาคต, อุปสรรคหรือความล่าช้าในการผลิต, ความไม่มั่นคงทางการเงินของประเทศต่างๆ และความเสี่ยงของภาครัฐ, การที่ต้องพึ่งพาสิทธิบัตรและการคุ้มครองอื่นๆในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี เช่น การดำเนินคดีสิทธิบัตร และ/หรือ การดำเนินการต่างๆ ตามกฎหมาย

MSD ไม่มีภาระผูกพันในการปรับปรุงข้อความคาดการณ์ล่วงหน้าให้สาธารณชนได้รับทราบ ถึงแม้ว่าจะได้รับข้อมูลใหม่ เกิดเหตุการณ์ในอนาคต หรืออื่นๆ สำหรับปัจจัยเพิ่มเติมที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่แท้จริงออกมาแตกต่างอย่างมากจากที่คาดการณ์ สามารถรับชมได้ในรายงานประจำปี 2556 Form 10-K ของ MSD และ Merck รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่บริษัทยื่นต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ที่เว็บไซต์ www.sec.gov

JANUVIA(R) เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ MSD ซึ่งเป็นบริษัทในแครือ Merck & Co., Inc.

ติดต่อ: MSD

สำหรับสื่อมวลชน

Michael Close, +1-267-305-1211

Pam Eisele, +1-908-423-5042

สำหรับนักลงทุน

Carol Ferguson, +1-908-423-4465