ปตท. แจ้งเริ่มจ่ายก๊าซฯ แหล่งบงกชตามปกติแล้ว และเตรียมความพร้อมรับแหล่งเจดีเอหยุดซ่อมในเดือนมิถุนายน

25 Apr 2014
นายชาครีย์ บูรณกานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท . จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตามที่ ปตท. ได้ดำเนินการปิดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช ตามแผนงานประจำปี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจ่ายก๊าซฯ ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2557 ที่ผ่านมานั้น ขณะนี้การดำเนินงานดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยผู้ผลิตฯ เริ่มจ่ายก๊าซฯ เข้าสู่ระบบตั้งแต่เวลา 07.00 น. ของวันนี้ (24 เมษายน 2557) เร็วกว่าแผนที่กำหนดไว้ 4 วัน ผลจากความร่วมมือในการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพของ ปตท. และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่งผลให้ตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ผู้ใช้ก๊าซทุกภาคส่วน ทั้งภาคไฟฟ้า ภาคอุตสาหกรรมและภาคขนส่ง ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ โดย ปตท. ได้เรียกรับก๊าซฯ สำรองจากผู้ผลิตจากอ่าวไทยและบนบก รวมถึงก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) เพิ่มขึ้นทดแทนก๊าซที่หายไปจากระบบ และมีการใช้น้ำมันเตารวม 16 ล้านลิตร ต่ำกว่าแผน 27 ล้านลิตร (ข้อมูลการใช้ระหว่างวันที่ 10 - 23 เมษายน 2557) โดยไม่มีการใช้น้ำมันดีเซล

ทั้งนี้ ด้วยการบริหารจัดการที่ดีและความร่วมมือของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ปตท . กระทรวงพลังงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กรมธุรกิจพลังงาน สำนักงานนโยบายและแผน และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ส่งผลให้การหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯบงกชครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความราบรื่น ไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อทุกภาคส่วน ซึ่ง ปตท. ต้องขอขอบคุณในความสนับสนุนของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมา ณ ที่นี้

อย่างไรก็ดี ผู้ผลิตก๊าซฯ ในอ่าวไทยยังมีแผนการหยุดซ่อมบำรุงแหล่งก๊าซฯ อีกครั้ง ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน - 10 กรกฎาคม 2557 รวม 28 วัน ณ แหล่งก๊าซธรรมชาติพื้นที่ทับซ้อนไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ-เอ18) อ.จะนะ จ.สงขลา ส่งผลให้ปริมาณก๊าซธรรมชาติในระบบขาดหายไปในปริมาณ 420 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ส่งผลต่อให้โรงไฟฟ้าจะนะจำเป็นต้องหยุดดำเนินการ โดย ปตท. ได้รายงานแผนการซ่อมบำรุงและแผนการบริหารจัดหาเชื้อเพลิงให้กระทรวงพลังงานรับทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งจัดเตรียมสำรองเชื้อเพลิงเพื่อการผลิตไฟฟ้าทดแทน ณ โรงไฟฟ้ากระบี่ และโรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานีอย่างเต็มที่ ตามแผนการใช้น้ำมันเตา ณ โรงไฟฟ้ากระบี่ ปริมาณ 39 ล้านลิตร และน้ำมันดีเซล ณ โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ปริมาณ 9 ล้านลิตร

สำหรับผู้ใช้บริการ NGV ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง อาจได้รับผลกระทบในช่วงการหยุดจ่ายก๊าซฯ เนื่องจากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักจะนะไม่สามารถจ่ายก๊าซได้ตามปกติ ทำให้ปริมาณก๊าซ NGV ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างลดลง จากปริมาณการใช้ก๊าซ NGV ในช่วงปกติทั้งสิ้น 190 ตันต่อวัน ส่งผลกระทบต่อการให้บริการเติมก๊าซ NGV ของสถานีบริการจำนวนทั้งหมด 14 แห่ง ครอบคลุม 3 จังหวัดในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ประกอบด้วย จ.สุราษฎร์ธานี 4 แห่ง จ.นครศรีธรรมราช 5 แห่ง และ จ.สงขลา 5 แห่ง

ทั้งนี้ ปตท. ตระหนักดีถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใช้บริการ NGV ทุกท่าน จึงได้เตรียมการขนส่งก๊าซ NGV จากสถานีก๊าซธรรมชาติหลักเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ และสำรองก๊าซ NGV ไว้ล่วงหน้า ณ สถานีก๊าซธรรมชาติหลักจะนะ รวมไม่น้อยกว่า 50 ตันต่อวัน เพื่อจ่ายให้กับสถานีบริการ NGV ที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ระหว่างวันที่ 13-22 มิ.ย.57 (10 วันแรก) จึงอาจมีข้อจำกัดเรื่องปริมาณก๊าซพร้อมให้บริการ เนื่องจากระยะทางการขนส่งก๊าซจากจ.สมุทรปราการที่ไกลขึ้นกว่า 750 กิโลเมตร ต้องใช้เวลาเดินทางขนส่งเพิ่มขึ้นถึง 25 – 32 ชั่วโมงต่อเที่ยว สำหรับวันที่ 23 มิ.ย.-10 ก.ค.57 (18 วันหลัง) ปตท. จะสามารถจ่ายก๊าซจากที่สำรองไว้ในท่อส่งก๊าซในทะเล (Line Pack) แก่ผู้ใช้รถ NGV ได้ประมาณ 110 ตันต่อวัน ทั้งนี้ ปตท. ได้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ใช้บริการ ณ สถานีบริการ NGV ในเขตภาคใต้ตอนล่างทราบล่วงหน้าตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนเป็นต้นมา ซึ่ง ปตท. ใคร่ขออภัยผู้ใช้บริการทุกท่านอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้

“ปตท. ต้องใคร่ขอความร่วมมือจากผู้ใช้รถ NGV ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง และผู้เดินทางในเส้นทางดังกล่าว โปรดวางแผนการใช้เชื้อเพลิงล่วงหน้าเพื่อความสะดวกในการใช้รถตลอดช่วงการหยุดจ่ายก๊าซฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 10 วันแรก อาทิ กลุ่มผู้ใช้รถยนต์ที่มีเชื้อเพลิง 2 ระบบ (น้ำมันหรือก๊าซNGV) กรุณาหลีกเลี่ยงการใช้ NGV ในช่วงเวลาดังกล่าว กลุ่มผู้ประกอบการรถขนส่งโปรดเร่งจัดส่งสินค้าที่จำเป็นล่วงหน้าก่อนช่วงหยุดซ่อม หรือใช้หัวลากที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงแทนใช้ก๊าซ NGV เป็นต้น ทั้งนี้ ปตท. จะดำเนินการจัดเตรียมน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งดีเซลและเบนซินให้เพียงพอกับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในช่วงดังกล่าว และเมื่อผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติ แหล่งเจดีเอดำเนินการซ่อมบำรุงแล้วเสร็จ ปตท. จะเร่งจัดส่งก๊าซเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้รถ NGV ตามปกติโดยเร็วที่สุด” นายชาครีย์ กล่าวเสริมในตอนท้าย

ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PTT Contact Center โทร. 1365 หรือศึกษาข้อมูลการให้บริการได้ที่ www.pttmap.com และ www.pttplc.com