บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ดังกล่าว ช่วยวางรากฐานข้อตกลงความร่วมมือใหม่ ครอบคลุมถึงประโยชน์เชิงพาณิชย์ของสายการบินทั้ง 2 และลูกค้าของสายการบิน โดยเนื้อหาของ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ครอบคลุม การทำพันธมิตรเที่ยวบินร่วม ความร่วมมือด้านโปรแกรมสะสมไมล์ร่วมกัน การใช้บริการเลานจ์ที่สนามบิน ข้อตกลงด้าน Air Pass (Air Pass Agreement) และความร่วมมือด้านการขนส่งสินค้าร่วมกัน
มร. เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานกรรมการบริหารสายการบินเอทิฮัด กล่าวถึง ข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ (PAL) ว่าเป็นย่างก้าวที่สำคัญ เพื่อความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนและแน่นแฟ้น ระหว่างสายการบินทั้ง 2 และความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกรุงอาบูดาบีและประเทศฟิลิปปินส์
“สายการบินเอทิฮัด และสายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ มีประวัติความร่วมมือร่วมกันที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในเส้นทางการบิน กรุงอาบูดาบี-กรุงมะนิลา”
มร. รามอน เอส แอง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ สายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ กล่าวว่า “เรามีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) นี้กับ สายการบินเอทิฮัด ซึ่งเป็นสายการบินชั้นนำระดับโลก สัมพันธภาพในครั้งนี้ จะมีผลส่งเสริมในระยะยาวต่อการให้บริการลูกค้าร่วมกันและนำเสนอตัวเลือกในการเดินทางที่มากขึ้น ซึ่งเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ของสายการบิน ฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ซึ่งมีฝูงบินที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัย และโปรแกรมการขยายการดำเนินงาน ซึ่งส่งผลให้สายการบินฯไม่เพียงเติบโตในตะวันออกกลาง แต่ยังไปสู่ส่วนอื่นๆของโลก ผ่านฝูงบินที่ทันสมัยนี้”
มร. เจมส์ โฮแกน กล่าวว่า “ข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ในครั้งนี้ เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นร่วมกัน ในการขยายฐานจำนวนผู้โดยสาร และตลาดในการให้บริการขนส่งสินค้า ระหว่าง ยูเออีและฟิลิปปินส์ กระชับความสัมพันธ์ทางการฑูต การค้า และ วัฒนธรรม ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ด้วยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดภายใน รวมไปถึงตลาดโลก และเพิ่มความดึงดูดใจด้วยข้อเสนอที่ดีกว่าแก่ลูกค้า ใน ยูเออี ฟิลิปปินส์และประเทศอื่นๆ
มร. เจมส์ โฮแกน และ มร. รามอน เอส แอง ได้กล่าวตรงกันว่า การเป็นพันธมิตรที่แน่นแฟ้นขึ้นในครั้งนี้ ระหว่างสายการบินทั้ง 2 เป็นทางเลือกอันดับหนึ่งให้ชาวฟิลิปปินส์ กว่า 700, 000 คน ที่อาศัยอยู่ใน ยูเออี และผู้ที่ต้องอาศัยเส้นทางการบินระหว่าง กรุงอาบูดาบี-กรุงมะนิลาในแต่ละปีและยังมีการกล่าวถึงการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวไปสู่ ฟิลิปปินส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางและยุโรป
“ฟิลิปปินส์เป็นจุดหมายปลายทางในการท่องเที่ยวที่สวยงาม ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก ต่อนักเดินทางต่างชาติ เราจึงมีความมุ่งมั่น ในการร่วมมือกับ สายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ และ ภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ ในการนำพานักท่องเที่ยวต่างชาติมาสู่ฟิลิปปินส์และเพื่อเพิ่มผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากการท่องเที่ยว” มร. เจมส์ โฮแกน กล่าวเสริม
มร. เจมส์ โฮแกน ยังได้ระบุถึงความเป็นไปได้ ที่ทั้ง 2 สายการบิน จะเพิ่มปริมาณและมูลค่าทางการค้า “การค้าระหว่าง ยูเออีและฟิลิปปินส์มีมูลค่าถึง 1.4 พันล้านดอลล่าสหรัฐ ในปี 2556 และยูเออี คู่ค้ารายใหญ่เป็นอันดับสามในตะวันออกกลาง ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในบริการขนส่งสินค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในฝ่ายที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของเอทิฮัด จะช่วยเพิ่มผลกำไรของสายการบินทั้ง 2 และ เศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ”
สายการบินเอทิฮัด เริ่มเปิดให้บริการเที่ยวบิน ระหว่างกรุงอาบูดาบีและกรุงมะนิลา ด้วยเครื่อง แอร์บัส A330-200 4 เที่ยวต่อสัปดาห์ ในเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ซึ่ง ณ ปัจจุบันนี้ เอทิฮัดได้ให้บริการด้วยเครื่อง โบอิ้ง 777-300ER 2 เที่ยวต่อวัน ระหว่างเมืองหลวงทั้งสอง เส้นทางการบินระหว่าง กรุงอาบูดาบี-กรุงมะนิลาเป็นเส้นทางที่มีผู้เดินทางหนาแน่นเป็นอันดับสอง (54,768) ในเครือข่ายการบินทั่วโลกของ เอทิฮัด ซึ่งทำให้มีการจ้างงานชาวฟิลิปปินส์กว่า 1000 คนทั่วโลก ซึ่งรวมถึงลูกเรือ 270 คน และ นักบิน กว่า 20 คน
คำบรรยายภาพ: มร. เจมส์ โฮแกน ประธานและประธานกรรมการบริหารสายการบินเอทิฮัด และ มร. รามอน เอส แอง ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ สายการบินฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) ที่สำนักงานใหญ่สายการบินเอทิฮัด ณ กรุงอาบูดาบีสำหรับสื่อมวลชน กรุณาติดต่อคุณเมธาวรินทร์ มณีกูลพันธ์ บริษัท โทเทิล ควอลิตี้ พีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด โทร. 0-2260-5820 ต่อ 115 โทรสาร: 0-2260-5847-8 อีเมลล์: [email protected]
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit