แพทย์ไทย สร้างชื่อระดับนานาชาติ รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยการฝังแร่

07 Aug 2014
โรคมะเร็ง ถือเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตอันดับต้นๆของโลก โดยเฉพาะมะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นภัยเงียบของผู้ชายที่พบได้บ่อยและเป็นสาเหตุการตายอันดับสองรองจากมะเร็งปอดแต่ด้วยวิวัฒนาการ การรักษาสมัยใหม่ที่ก้าวไปถึงขั้นการฝังแร่มะเร็งต่อมลูกหมาก (Brachytherapy) ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่นานาประเทศยอมรับ "นายแพทย์วิรุณ โทณะวณิก" ได้ชื่อว่าเป็นรังสีแพทย์รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการฝังแร่ และเป็นที่ยอมรับว่ามีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์การรักษาที่ประสบความสำเร็จระดับนานาชาติ โดยได้ทำการรักษายาวนานถึง 30 ปี และเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการฝังแร่เพื่อรักษามะเร็งของต่อมลูกหมาก มากว่า 17 ปี มีจำนวนคนไข้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการฝังแร่มากกว่า 2,200 ราย
แพทย์ไทย สร้างชื่อระดับนานาชาติ รักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ด้วยการฝังแร่

ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งแพทย์อาวุโสด้านการฝังแร่เพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก ที่ศูนย์รักษามะเร็งด้วยรังสีของคริสติน่าแคร์ มลรัฐเดลาแวร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และท่านยังเป็นรังสีแพทย์รักษามะเร็งต่อมลูกหมากด้วยการฝังแร่ ที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 เทพารักษ์อีกด้วย

คุณหมอวิรุณกล่าวว่า มะเร็งต่อมลูกหมากเป็นโรคที่มักพบ และสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ชายทั่วไปเพราะมีโอกาสเป็นไปได้มากถึง1ในทุก6ของผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นโรคนี้เพิ่มขึ้นจนเป็นอันดับ 2 แซงหน้ามะเร็งปอด ซึ่งในประเทศไทยก็พบมากขึ้นเช่นกัน ส่วนสาเหตุของการเกิดโรคนี้ คุณหมอกล่าวว่า ยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน แต่มีความเป็นไปได้จากปัจจัยเสี่ยงหลักๆ3อย่างด้วยกันได้แก่ การถ่ายทอดทางพันธุกรรม การใช้ชีวิตประจำวัน เช่นรับประทานอาหารเนื้อแดง น้ำหนักเกิน ไม่ออกกำลังกาย มีความเครียด และการสูบบุหรี่ ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้จะต้องได้รับการวินิจฉัยในระยะเริ่มต้นให้เร็วที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งนี้ตั้งแต่อายุ40ปีขึ้นไป หรือคนทั่วไปที่มีอายุ50ปีขึ้นไปควรเจาะเลือดหาค่าPSAทุกๆปี

สำหรับอาการของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ในระยะแรกอาจไม่มีอาการ แต่อาจมีอาการใกล้เคียงกับต่อมลูกหมากโต ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นอาการทั่วไปของคนสูงอายุ อาจมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือรู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ ควรรีบไปพบแพทย์ตั้งแต่เริ่มมีอาการ

สำหรับการรักษามะเร็งต่อมลูกหมากในปัจจุบันมีหลายวิธี เช่นการผ่าตัดหรือการฉายรังสี แต่การรักษาดังกล่าวจะมีผลข้างเคียงตามมา และทำให้คุณภาพชีวิตหลังการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร เช่น กรณีการฉายรังสี จะทำลายสมรรถภาพทางเพศลงไปประมาณ 50% หรือ การผ่าตัด จะทำลายสมรรถภาพทางเพศไปกว่า 50% หรือเกือบทั้งหมด และยังก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ และยังต้องใช้เวลาพักฟื้นอยู่หลายอาทิตย์

การรักษามะเร็งต่อมลูกหมากแนวใหม่ ด้วยวิธีการฝังแร่กัมมันตภาพรังสีเข้าไปในต่อมลูกหมาก เพื่อใช้รังสีจากแร่รักษามะเร็งต่อมลูกหมาก วิธีนี้สามารถให้ผลการรักษาเท่าเทียมกับการผ่าตัด แต่ผู้ป่วยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉายแสง ไม่มีแผล ไม่เจ็บตัวมาก และที่สำคัญคือมีผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศน้อยกว่าการผ่าตัดและฉายแสง และไม่มีผลต่อการกลั้นขับถ่าย ปัสสาวะ วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมมากในสหรัฐ การรักษามะเร็งต่อมลูกหมากด้วยวิธีการนี้ เป็นการฝังเม็ดแร่ เพื่อเป็นต้นกำเนิดของรังสี คล้ายกับการเอ็กซเรย์ เพื่อให้รังสีที่แผ่ออกมาทำลายเซลล์มะเร็งในต่อมลูกหมาก โดยไม่กระทบกระเทือนอวัยวะใกล้เคียงอื่นๆ ดังนั้น โอกาสแทรกซ้อนที่รังสีจะไปทำลายอวัยวะปกติรอบๆต่อมลูกหมากไม่มี จึงไม่มีความเสี่ยงสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะโรคหัวใจ หรือความดันผิดปกติ ต่างจากวิธีการรักษาด้วยการฉายแสง หรือ การผ่าตัด ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยเสียเลือดมาก

“เม็ดแร่รังสีทั้งหมดจะสั่งนำเข้ามาจากสหรัฐฯ จึงต้องใช้เวลาชีวิตของแร่รังสีที่มีชีวิตยาว เพื่อให้อยู่ได้นาน ในไทยเราจึงจำเป็นต้องใช้เม็ดแร่รังสีไอโอดายน์ ในการฝังเพื่อรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก เพราะมีอายุยาวถึง 60 วัน”

คุณหมอวิรุณ ยังอธิบายถึงวิธีการฝังแร่ด้วยว่า ในขั้นแรกจะเริ่มจากการวัดขนาดและหาตำแหน่งของต่อมลูกหมากก่อน โดยการอัลตร้าซาวด์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ จากนั้น จึงใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อกำหนดตำแหน่งของเม็ดแร่รังสีและตำแหน่งเข็ม เพื่อให้ต่อมลูกหมากได้รับปริมาณรังสีเท่าที่แพทย์ต้องการ โดยการใช้เครื่องมือยิงแร่ หรือ ปืนมิก เข้าไปที่ตำแหน่งตามโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่กำหนดไว้ ซึ่งทำให้มีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพสูงสุด

“หลังจากฝังแร่ไปแล้ว มะเร็งจะตายภายในระยะเวลาหลัง 3-6 เดือน จากนั้นจึงติดตามด้วยการเจาะเลือดหาค่า PSA ซึ่งค่าจะต้องต่ำลงไปเรื่อยๆ หลังได้รับการฝังแร่ เพราะมะเร็งเริ่มตาย และสุดท้ายค่า PSA จะลงเหลือประมาณ 0.2 หรือ 0.1 เทียบกับคนปกติจะมีค่าไม่เกิน 4 ng/mL และส่วนใหญ่เมื่อผ่านไป 3 ปี จะหายขาด” คุณหมอวิรุณ ให้คำแนะนำด้วยว่า ในชายที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรเจาะเลือดหาค่า PSA ตั้งแต่อายุ 40 ปี ทุกๆ ปี หากพบว่า มีค่าสูงขึ้นถึง 2.5 ng/mL ก็ควรได้รับการตรวจถี่ขึ้นเป็นปีละ 2 ครั้ง และในผู้ชายทั่วไปที่มีอายุ 50ปีขึ้นไป เมื่อไปสุขภาพประจำปีควรตรวจหาค่า PSA ด้วย เพราะเป็นโรคเฉพาะที่เกิดกับเพศชาย และเพื่อป้องกันความเสี่ยงการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก รวมถึงการใส่ใจดูแลสุขภาพของตัวเอง เช่น เลิกสูบบุรี่ กินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง เป็นต้น

“การฝังแร่” จึงเป็นทางเลือกใหม่ของการรักษามะเร็งต่อมลูกหมาก เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ รวมทั้งประเทศไทย เพราะถือว่ามีประสิทธิภาพสูงสุดและหายขาดได้หากรีบรักษาในระยะเริ่มแรก แต่ถ้าตรวจพบช้า รักษาไม่ถูกวิธี ก็เป็นเหตุให้สมรรถภาพทางเพศเสื่อม และมะเร็งแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่นๆ จนยากแก่การรักษา.