สำหรับโครงการ #ALSIceBucketChallenge เกิดขึ้นจากสหรัฐอเมริกา จุดเริ่มต้นจาก Pete Frates อดีตนักกีฬาเบสบอลระดับมหาวิทยาลัย ที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง จนเกิดการก่อตั้ง The ALS Foundation ขึ้นมาแล้วทำแคมเปญนี้ โดยมีกติกาอยู่ว่า ต้องแท็กชื่อเพื่อท้าทายเพื่อน 3 ว่าจะยอมเอาน้ำเย็นราดตัวเอง ภายใน 24 ชั่วโมง หรือว่ายอมบริจาค 100 เหรียญสหรัฐ ให้กับองค์กรการกุศลแห่งนี้ และแคมเปญนี้ก็ได้รับความนิยมในกลุ่มคนดังในหลากหลายสาขาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาดัง อย่าง นิวยอร์ค เจ็ทส์ ทีมอเมริกันฟุตบอลทั้งทีม, พอล บิสโซเนทท์ นักกีฬาฮ็อกกี้, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักฟุตบอลซูเปอร์สตาร์ กลุ่มดารานักร้อง เช่น เจนิเฟอร์ โลเปซ, อดัม เลอวีน, โอปราห์ วินฟรีย์, เลดี้กาก้า หรือแม้แต่นักธุรกิจระดับโลกที่ไม่น่าเชื่อว่าจะร่วมในกิจกรรมครั้งนี้ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการรณรงค์ด้วย ยกตัวอย่างเช่น มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้ง เฟซบุ๊ค, บิล เกตส์ หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทไมโครซอฟท์, เจฟฟ์ เบโซส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อะเมซอน, ทิม คุ้ก ซีอีโอ บริษัทแอปเปิ้ล
และเมื่อคนดังระดับโลกให้ความสนใจขนาดนี้ แคมเปญก็โด่งดังจนกระทั่งในประเทศไทยเองก็เกิดการท้าทายเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในกิจกรรมนี้เช่นกัน มีผู้นำองค์กรขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็น ค่ายโอเปอร์เรเตอร์โทรศัพท์มือถือในประเทศไทยครบทั้ง 3 ค่ายที่ตอบรับคำท้าอย่างรวดเร็ว คุณตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือดาราดัง เช่น ชมพู่-อารยา เอ. ฮาร์เก็ต, ณเดชน์ คูกิมิยะ และดาราดังอีกหลายคนในวงการก็ยินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญ นอกจากจะยอมเอาน้ำเย็นราดตัวเองแล้วก็ยังบริจาคให้กับองค์กรการกุศลด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการทำกิจกรรมเพื่อสังคมที่ประสบความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ระดับโลกเลยทีเดียว
Key Take Away to Marketers: ปกติแล้ว เราจะพบธุรกิจนำ Video Vural มาเป็นเครื่องมือทางการตลาด แคมเปญ #ALSIceBucketChallenge ได้ทำให้เห็นว่า Video Viral นั้นก็นำมาช่วยเหลือสังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่องทางออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางหลักที่สำคัญที่สุดของการทำ Video Viral นอกจากนี้แคมเปญ #ALSIceBucketChallenge ยังสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือกันของนักธุรกิจ ดารา นักกีฬา ที่เสียสละ ร่วมกันทำกิจกรรมและบริจาค เพื่อช่วยเหลือตอบแทนคืนสู่สังคม เป็นตัวอย่างที่น่าชื่นชมของนักธุรกิจ นักการตลาดทุกสาขาอาชีพทั่วโลก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit