นายประวิน พัฒนะพงษ์ รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ในฐานะอนุกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ความเสี่ยงโรคติดต่ออุบัติใหม่ กล่าวหลังเปิดประชุมให้ความรู้สื่อมวลชนเรื่องโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ที่กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขว่า จากวิกฤติการณ์การเชื้อไวรัสอีโบลา ที่กำลังแพร่ระบาดอยู่ใน 4 ประเทศ คือ ประเทศกินี ประเทศไลบีเรีย ประเทศเซียร์ราลีโอน และเมืองลากอส ประเทศไนจีเรีย ข้อมูลตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ - 22 สิงหาคม 2557 พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสอีโบลา 2,615 ราย และเสียชีวิต 1,427 ราย ได้สร้างความหวั่นวิตกให้แก่ผู้คนทั่วโลก นอกจาก 4 มาตรการหลักที่กระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการแล้ว คือ 1. การจัดระบบเฝ้าระวังโรคทั้งในคนและสัตว์ 2. การดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล 3. การตรวจทางห้องปฏิบัติการ และ 4. การบริหารจัดการ การดำเนินงานตามมาตรการด้านการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ความเสี่ยงฯ เพื่อทำความเข้าใจกับสื่อมวลชน และประชาชนก็มีความสำคัญ ซึ่งในวันนี้มีการประชุมให้ความรู้ แก่สื่อมวลชนแขนงต่างๆ จำนวนกว่า 100 คน เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องถึงสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา และการสื่อสารความเสี่ยง เผยแพร่ความรู้ที่ถูกต้องต่อประชาชน ซึ่งจะช่วยลดความตื่นตระหนกได้
ด้าน นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิกรมควบคุมโรค กล่าวว่า เชื้ออีโบลา เป็นโรคติดเชื้อจากไวรัสชนิดเฉียบพลันรุนแรง อัตราการแพร่ระบาดสูงและเร็ว มีอัตราตายร้อยละ 50-90 เมื่อได้รับเชื้อโรคนี้จะปรากฏอาการ 2-21 วัน โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลาติดต่อทางการสัมผัสเลือด น้ำเหลือง หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือศพผู้ที่เสียชีวิตจากโรคนี้ อาการของผู้ป่วย คือ มีไข้สูงทันที อ่อนเพลียปวดกล้ามเนื้อ และปวดศีรษะมาก ตามด้วยอาการเจ็บคอ อาเจียน ท้องเสีย และมีผื่นนูนแดงขึ้นตามตัว ในรายที่อาการรุนแรง หรือในบางรายที่เสียชีวิตจะมีอาการเลือดออกง่าย โดยมักเกิดร่วมกับภาวะตับถูกทำลาย ไตวาย มีอาการทางระบบประสาทส่วนกลางและช็อก อวัยวะหลายระบบเสื่อมหน้าที่
"สำหรับประเทศไทยโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลายังมาไม่ถึง และกระทรวงสาธารณสุขมีมาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ ผู้ที่จะเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงขอให้งดหรือชะลอไปก่อน จนกว่าสถานการณ์การระบาดของโรคจะดีขึ้น ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารได้ที่เว็บไซต์ สำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่ กรมควบคุมโรค http://beid.ddc.moph.go.th และสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร 1422" นพ.ศุภมิตร กล่าวปิดท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit