บริษัท วี-กัลลิเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายรถมือสองภายใต้แฟรนไชส์กัลลิเวอร์ นำหัวขบวนเปิดสาขาที่ 2 ในประเทศไทยที่จังหวัดนครสวรรค์ ด้วยเงินลงทุนขั้นต้น 10 ล้านบาท
มร. คัทสึชิ โนมูระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วี-กัลลิเวอร์ จำกัด กล่าวว่าสาขาแห่งใหม่นี้ จะรองรับความต้องการทั้งผู้ซื้อและผู้ขายรถเก่าในจังหวัดนครสวรรค์และจังหวัดใกล้เคียง โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่เดือนละ 30 – 50 คัน และยอดซื้อรถเข้าเดือนละ 30 – 50 คันมร. โนมูระ กล่าวว่าสาขานครสวรรค์นี้เป็นการลงทุนโดยกลุ่มวี-กรุ๊ป ซึ่งนอกจากจะเป็นผู้ถือหุ้นแล้ว ยังเป็นผู้ร่วมธุรกิจในรูปของแฟรนไชส์ด้วย โดยมีพื้นที่ทั้งหมด 1 ไร่ และสามารถจอดรถได้ 50 คัน
“ตอนนี้เราอยู่ในช่วงของการเตรียมการเปิดโชว์รูปเพิ่มเติมและสาขาต่อจากจังหวัดนครสวรรค์ จะเป็นสาขาถนนนวมินทร์ที่จะเปิดในเดือนกันยายนนี้” มร. โนมูระ กล่าว
มร. โนมูระ กล่าววี-กัลลิเวอร์ ได้เปิดการเจรจากับบริษัทที่สนใจหรือแม้แต่นักธุรกิจอิสระที่สนใจจะร่วมเป็น แฟรนไชส์ของกัลลิเวอร์ มาร่วมขยายเครือข่ายของกัลลิเวอร์ในประเทศไทย โดยส่วนหนึ่งมาจากประเทศญี่ปุ่น ผู้ที่ตัดสินใจเข้าร่วมธุรกิจกับกัลลิเวอร์และผ่านการพิจารณาของกัลลิเวอร์ จะได้รับการฝึกอบรมแนวทางการดำเนินธุรกิจรถมือสองจากระบบที่ได้รับการพิสูจน์มานานกว่า 20 ปีจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงการสนับสนุนระบบของกัลลิเวอร์ ได้แก่ระบบ PSA – Purchase and Sales Assessment System
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สาขาแห่งแรกของกัลลิเวอร์ในประเทศไทยได้เปิดให้บริการบนถนนศรีนครินทร์และสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 20 คันต่อเดือน “ผมว่ามันเป็นไปตามเป้าหมายที่เราคาดหวังไว้ตั้งแต่แรก” มร. โนมูระ กล่าว
มร. โนมูระ กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้บริษัท วี-กัลลิเวอร์ ได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจที่ให้ความสนใจร่วมธุรกิจกับกัลลิเวอร์ในหลายจังหวัด และทางบริษัทฯ ได้เริ่มการเจรจาแนวทางความร่วมมือกัน จึงทำให้มีความเชื่อมั่นว่าแผนการเปิดสาขาเพิ่มเป็น 10 สาขาปีนี้และ 100 สาขาในปีหน้า จะประสบความสำเร็จ
มร. โนมูระ ย้ำว่ากลุ่มผู้ร่วมธุรกิจในรูปแฟรนไชส์กับกัลลิเวอร์ตั้งแต่จุดเริ่มต้น จะต้องใช้เงินทุนเริ่มต้นที่ 25 ล้านบาทเพื่อใช้ในการก่อสร้างมูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท และที่เหลือจะเป็นในส่วนของสต็อครถและค่าดำเนินการ โดยคาดว่าจะใช้ระยะเวลาคืนทุนประมาณ 3 ปี
“ผมอยากจะบอกว่านี่เป็นจังหวะที่ดีที่เราจะเริ่มรับพันธมิตรที่สนใจเพราะขณะนี้ภาวะทางการเมืองในประเทศไทยเริ่มคลี่คลาย และส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ดังนั้น จากจุดนี้เป็นต้นไป ผมเชื่อว่ากำลังซื้อภาคประชาชนจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ” มร. โนมูระ กล่าวกัลลิเวอร์มีความเชื่อมั่นต่อตลาดรถมือสองในประเทศไทยอย่างมากว่าจะมีศักยภาพในการเจริญเติบโตสูง ทั้งนี้เนื่องจากรายงานของ JETRO แสดงถึงสัดส่วนการเป็นเจ้าของรถต่อจำนวนครัวเรือนในประเทศไทยเมื่อปี 2553 มีเพียง 13.8% เท่านั้น เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นแล้ว สัดส่วนดังกล่าวสูงถึง 86.5% และเมื่อหันกลับมาพิจารณาถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่คลี่คลายแล้ว ผู้บริโภคชาวไทยน่าจะเกิดความเชื่อมั่นที่จะซื้อสินค้าชิ้นใหญ่มากขึ้น
กัลลิเวอร์ ถือเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถมือสองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น ได้ร่วมกับกลุ่มวี-กรุ๊ป เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุนคือบริษัท วี-กัลลิเวอร์ จำกัด ซึ่งกลุ่มวี-กรุ๊ป นี้ถือเป็นกลุ่มธุรกิจชั้นนำด้านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ปัจจุบันบริษัทร่วมทุนดังกล่าวได้เปิดโชว์รูมรถมือสองแห่งแรกในประเทศไทยบนถนนศรีนครินทร์ด้วยเงินลงทุนขั้นต้นที่ 10 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีโชว์รูมกัลลิเวอร์กระจายไปทั่วประเทศจำนวน 10 สาขา
สำหรับกัลลิเวอร์ ถือเป็นบริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดจำหน่ายรถมือสองอันดับหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น โดยมีสาขาทั้งสิ้น 430 สาขา ในแต่ละปีมีการจัดซื้อรถมือสองประมาณ 200,000 คัน และในจำนวนนี้ประมาณ 60,000 คันต่อปี จะขายผ่านในเครือข่ายทั้ง 430 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น
บริษัท วี-กัลลิเวอร์ จำกัด เชื่อมั่นว่าแบรนด์ของกัลลิเวอร์ จะเป็นที่ยอมรับในประเทศไทยในระยะเวลาอันใกล้ ทั้งนี้เพราะกัลลิเวอร์จะนำองค์ความรู้ที่นำไปสู่ความสำเร็จจากประเทศญี่ปุ่นมาสู่สังคมไทย อันประกอบด้วยบริการที่ใหม่ล่าสุดคือการรับประกันความพึงพอใจรับซื้อคืนด้วยเงื่อนไขเต็มมูลค่าที่ขายภายใน 30 วันหรือ 5,000 กิโลเมตร รวมถึงการรับประกัน 10,000 กิโลเมตร พร้อมทั้งข้อเสนอการซื้อประกันเพิ่มอีก 1 – 3 ปีแล้วแต่อายุรถ
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit