นายแพทย์เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ถือเป็นเวทีสำคัญที่จะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างผู้บริหารระดับสูงของโรงพยาบาลเอกชน ผู้บริหารระดับสูงที่รับผิดชอบงานด้านการแพทย์ฉุกเฉินของโรงพยาบาล และผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันหาแนวทางให้ระบบการแพทย์ฉุกเฉินพัฒนาอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อหาแนวทางในการพัฒนาบุคลากร พัฒนาห้องฉุกเฉิน พัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินก่อนถึงโรงพยาบาลของประเทศเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนทั้งในภาวะปกติและภัยพิบัติ
ด้าน นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า ที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนถือเป็นเครือข่ายสำคัญที่ทำให้การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินมีความครอบคลุมและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยก้าวต่อไปของการพัฒนาร่วมกันมี ๔ เรื่องสำคัญ ดังนี้ ๑.การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินก่อนถึงโรงพยาบาล ซึ่งมีการวางเป้าหมายในอนาคตว่าจะต้องสร้างเครือข่ายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่และมีการแบ่งโซนการดูแลที่ชัดเจน มีการประสานโรงพยาบาลเอกชนที่เป็นศูนย์กลางในการส่งต่อ ๒.การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับ AEC โดยมีการตั้งเป้าให้ประเทศไทยได้เป็นผู้นำด้านการแพทย์ฉุกเฉินของ AEC ภายในปี ๒๐๑๕ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทั้งเรื่องมาตรฐานการแพทย์และภาษา มีอุปกรณ์เครื่องมือทีทันสมัย และทำให้ผู้ป่วยปลอดภัยทุกเชื้อชาติในระยะเวลาฉุกเฉิน ๓.มีระบบการแพทย์ฉุกเฉินเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว มีการทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้นักท่องเที่ยวมาเที่ยวประเทศไทยด้วยความรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และกลับบ้านด้วยความสุข และ ๔.การพัฒนาบุคลากรในระบบการแพทย์ฉุกเฉิน โดยบุคลากรทุกระดับ มีสมรรถนะสูงตามมาตรฐานสากล มีคุณภาพชีวิตที่ดีและได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป้าหมายสูงสุดคือทำให้ผู้ป่วยฉุกเฉินปลอดภัย