นายวิเชียร ชวลิต ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า การประชุมสมัยที่ ๓ ของคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งเอเชียและแปซิฟิก (ESCAP) ด้านการพัฒนาสังคม ในนามรัฐบาลไทย ตระหนักถึงความสำคัญในการเผชิญกับความไม่เท่าเทียมกันที่ปรากฏมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก โดยการประชุมครั้งนี้ มุ่งเน้นในเรื่องความไม่เท่าเทียมกัน และความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ ซึ่งความไม่เท่าเทียมกันได้ ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อสมาชิกของสังคมที่เป็นผู้ด้อยทางโอกาสและสิทธิ รวมทั้งทุกคนในสังคม เพราะความไม่เท่าเทียมกันเป็นอุปสรรคหนึ่งในการบรรลุผลสำเร็จของ Millennium Development Goals - MDGs (เป้าหมายการพัฒนาแห่งสหัสวรรษ) รวมถึงการไม่ได้รับผลประโยชน์จากความมั่งคั่งและความมั่นคงของส่วนรวม ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นสมาชิกที่มีความกระตือรือร้นของ ESCAP และเป็นผู้สนับสนุนที่แสวงหาความร่วมมือระหว่างประเทศกำลังพัฒนา โดยจะดำเนินงานร่วมกับรัฐบาล องค์กรภาคประชาสังคม และผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ เพื่อลดความไม่เท่าเทียมกัน
นายวิเชียร กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยมุ่งเน้นการลงทุนด้านการพัฒนาสังคมให้ประสบความสำเร็จ โดยการบริการการดูแลสุขภาพอย่างถ้วนหน้า ซึ่งเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับหลายประเทศทั้งในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกและภูมิภาคอื่นๆ อีกทั้งประเทศไทยยังมีความพยายามที่จะลดอคติทางเพศ ซึ่งเป็นสาเหตุของความไม่เท่าเทียมกันทางเพศ โดยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการส่งเสริมความเสมอภาคหญิงชายและการกำจัดทัศนคติการเหมารวม สำหรับการสร้างมาตรการในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจของสตรี ในปี ๒๕๕๕ รัฐบาลไทยได้จัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาสตรีแห่งชาติ เพื่อให้สตรีมีส่วนร่วมมากยิ่งขึ้นในกิจการด้านสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง นอกจากนี้ ประเทศไทยยังให้ความสำคัญของการเสริมพลังสตรี โดยมีการแทรกแซงผ่านนโยบายและกลไกอื่นๆ เพื่อให้เห็นถึงคุณค่าของความเท่าเทียมกัน ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) โดยสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว(สค.) มีความกระตือรือร้นในการดำเนินงานตามอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติในทุกรูปแบบต่อสตรี
“การประชุมครั้งนี้ เป็นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ ซึ่งทำให้เกิดความร่วมมือที่มากขึ้น เพื่อที่จะกระตุ้นให้ตระหนักถึงความสำเร็จทั้งในระดับประเทศ อนุภูมิภาค และภูมิภาค โดยข้อเสนอต่างๆและผลการประชุมในครั้งนี้ จะนำไปพัฒนาวาระด้านการพัฒนาสังคมของ ESCAP ในอีก ๒ ปีข้างหน้า และ เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการประชุม “Asian and Pacific Conference on Gender Equality and Women's Empowerment: Beijing+20 Review” ซึ่งเป็นการประชุมระดับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกด้านความเสมอภาคหญิงชายและการเสริมพลังสตรี ที่กำหนดจัดขึ้น ณ กรุงเทพฯ ในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๗ นี้” นายวิเชียร กล่าวตอนท้าย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit