บทสัมภาษณ์นักแสดงสาวมากฝีมือ “พิ้งกี้-สาวิกา ไชยเดช” กับบทบาทใหม่ที่ทุกคนต้องอึ้ง และการโดนจัดหนักที่สุดในชีวิตโดยผู้กำกับ “หม่ำ จ๊กม๊ก”

30 Jun 2014
บทบาท-คาแร็คเตอร์

ในเรื่อง “ทาสรักอสูร” นี้ พิ้งกี้รับบทเป็น “อู้อี้” ค่ะ อู้อี้ก็จะเป็นเหมือนลูกคุณหนูเอาแต่ใจคนหนึ่ง อารมณ์นางเอกหนังไทยที่ต้องโดนจับเป็นตัวประกัน เพราะเกิดความเข้าใจผิด อู้อี้เป็นผู้หญิงที่ภายนอกดูสวยงาม แต่จริงๆ แล้วปากจัดมาก เรียกได้ว่าปากหมาเลย (หัวเราะ) คือพูดแบบขุดคำอะไรออกมาด่าไปเรื่อย คือปากจัดมาก ด่าเก่งมาก แล้วก็เป็นผู้หญิงที่มั่นใจในตัวเอง เพราะอยู่ในครอบครัวที่รวย คาแร็คเตอร์ในเรื่องนี้แตกต่างจากทุกเรื่องยังไง

แตกต่างมากค่ะ คืออู้อี้เนี่ยก็คือชุดแบบนี้ใส่ทั้งเรื่อง สองก็คือหน้าไม่แต่ง คือลุคนี้จะไม่ได้เห็นตามทีวี ที่เห็นเราในทีวีก็จะมีอายไลเนอร์ มีขนตา คือเรื่องนี้จะไม่เห็นเราโบ๊ะหน้า จะเห็นเราเพียวๆ แล้วก็หน้าธรรมชาติ แล้วก็เรื่องนี้ได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน ได้ทำอะไรที่บ้าๆ บอๆ พี่หม่ำเค้าให้หนูทำอะไร ก็ทำหมด อย่างตอนที่โดนพี่หม่ำเตะ เดี๋ยวฝ่าเท้า ฝ่ามืออรหันต์ พอเสร็จก็เงยหน้ามาแล้วตาก็เหล่ แล้วก็ต้องคลานเป็นหมา แล้วก็มีฉากที่ต้องทำอะไรๆ ตลกเยอะเลย อันนั้นคือความแตกต่างของกี้ที่กี้ไม่เคยเล่น ผู้ชมจะได้เห็นเราในมุมที่แบบเออ...ก็ทำไปได้นะ หรือคำด่าในหนังนี้มันไม่เคยได้ยิน คือมันจะมีคำแปลกๆ พี่หม่ำก็จะมีคำหรือไอเดียที่โลดแล่นอยู่ตลอด ต้องยอมความอัจฉริยะของพี่หม่ำค่ะได้มาร่วมงานกับพี่หม่ำ รู้สึกยังไงบ้าง

คือต้องเท้าความไปถึงน้องเอ็ม (บุษราคัม วงษ์คำเหลา) ลูกสาวพี่หม่ำติดต่อมา คือพิ้งกี้กับเอ็มเป็นเพื่อนกันอยู่แล้ว เขาบอกว่าปรึกษากับพ่อ คิดไปคิดมาว่าลองชวนพิ้งกี้เล่นหนังเรื่องนี้สิ แล้วพอเราได้รับการติดต่อ ได้รู้ว่าบทเป็นประมาณนี้ เขาก็บอกว่าในเรื่องนี้พิ้งกี้ต้องมีเล่นบทบู๊ มีตบตีเหมือนหนังแอ็คชั่นเลย เราก็คิดภาพไม่ออกว่ามันจะเป็นยังไง แต่พอได้มาเล่นจริงๆ คือภาพที่เราคิดไว้ มันไม่ใช่เลย มันสนุกมาก พูดเลยว่า ได้ร่วมงานกับพี่หม่ำแล้วเหมือนความฝันเป็นจริง เพราะจำได้ว่าตอนนั้นดูซิตคอมวงษ์คำเหลา แล้วเรารู้สึกตลกแล้วก็ชอบ คือดูทุกตอน เราเคยฝากแม่ตุ๊ก (เดือนเต็ม สาลิตุล) ว่าอยากเล่นมากเลย ไปรับเชิญซักตอนได้มั้ย จนได้รับการติดต่อมาให้เล่นหนังพี่หม่ำในเรื่องนี้ ก็เลยรู้สึกว่าฝันเป็นจริงค่ะ เรื่องราวใน “ทาสรักอสูร”

ก็เป็นเรื่องราวความรักที่เกิดจากความเคียดแค้น โดยที่พี่หม่ำเป็น “นายหัวเพิ่ม” จับเราเป็นตัวประกันเพราะความแค้น เพราะเขาคิดว่าเราไปทำให้พี่สาวเขาฆ่าตัวตาย แล้วเราเลยกลายเป็นเหยื่อ กลายเป็นตัวประกันถูกจับมาจองจำอยู่ในกระท่อม ก็เลยต้องโดนใช้งานสารพัด แต่กลับกันแทนที่เราจะเป็นผู้หญิงเรียบร้อย โดนกระทำอย่างเดียว แต่ไม่ ตัวพระเอกจะนิ่งเงียบไม่ค่อยพูดอะไร จะครับอย่างเดียว แต่เรานี่ด่าเป็นชุดเลย คือมันจะกลับกันเลย ตอนที่เราไปอยู่ที่เกาะก็ต้องเจอกลั่นแกล้งจาก “เจ็ทสกี” กับ “ดอกอ้อ” ก็คือ พี่อุ้มกับพี่อ๋อม ซึ่งสองคนนี้จะชอบนายหัวเพิ่มเลยหาทางกลั่นแกล้งเรา คาแร็คเตอร์สองคนนี้เด่นชัดมากคือฉันร้าย ก็จะมีร้ายแบบมีมาด กับร้ายแบบชัดเจน เค้าก็จะคอยยุแยงตะแคงรั่ว คอยอิจฉาเรา คนดูก็ต้องลุ้นค่ะว่าสุดท้ายเรื่องราวจะลงเอยอย่างไร เรื่องนี้ต้องเจอจัดหนักจากผู้กำกับ “หม่ำ จ๊กม๊ก” เป็นยังไงบ้าง

โอ้โห ต้องเรียกว่าโดนปู้ยี่ปู้ยำดีกว่า (หัวเราะ) ตั้งแต่วันแรกที่เริ่มถ่าย ต้องอยู่บนเรือ แล้วมันเหนื่อยมาก คือมันเริ่มจากการแต่งหน้าสวย แต่ต้องทำเลอะ อายไลเนอร์ดำ ทุกอย่างเปื้อน สภาพไม่มีที่ติเลย แล้วผมนี่ยุ่งไปหมด เราก็รู้สึกชอบที่มันไม่ต้องสวย ดูเลอะๆ พอเสร็จจะเริ่มถ่าย เราก็อ่านบทมาเตรียมพร้อม พอมาถึงตัดทิ้งเลย เอาแบบสดๆ แล้วก็เอาคำพูดของพี่หม่ำทุกคำเลย แล้วคำพูดแต่ละคำเนี่ยสุดๆ คือเราไม่เคยด่าคนมาก่อน คือคำแต่ละคำเราไม่เคยได้ยินบนโลกนี้ จำได้ว่าถ่ายเสร็จเนี่ยลงไปนอนแผ่เลย การด่าคนนี่มันไม่ง่ายเลยนะคะ แถมฉากบู๊ก็โดนทั้งถีบทั้งต่อย ต้องแต่งหน้าเป็นคนบ้า ต้องสวมบทเป็นทาส ขัดรองเท้า กรีดยาง โอ้โหสารพัด เหนื่อยมาก แต่สนุกมากค่ะมีติดคาแร็คเตอร์ของอู้อี้ไปนอกจอบ้างมั้ย

ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ใครได้ดูเรื่องนี้อย่าเพิ่งกลัวกี้นะ คือการด่ามันต้องมีจังหวะ เหมือนการเล่นตลก ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ มาเล่นแล้วมันจะตลก คือมันตลกแน่นอน พอเราไม่เคย พี่หม่ำก็จะคอยมาสอนจังหวะ พอพี่หม่ำส่งมา เราก็ต้องมีจังหวะ คือมันมาจากสัญชาตญาณของการเล่น แล้วก็จังหวะโต้ตอบ แล้วเวลาที่เราไปเล่นหนัง หรือละครเรื่องอื่น กลายเป็นคนต่อปากต่อคำ มันก็ทำให้จังหวะชีวิตเราเร็วขึ้นฉากรักมหาโหดโคตรมหาฮาในเรื่องนี้

ฉากตบจูบในเรื่องนี้เหมือนเรากำลังดูหนังกำลังภายใน คือตบแล้วกระเด็นไปไกลเลย มันไม่ใช่ตบจูบธรรมดาแล้วก็มีมุกต่อท้าย แต่มันจะอารมณ์เหมือนหนังพี่พันนาเลย มีใช้สลิง โดนเตะทะลุประตูบ้าน คือดูแล้วคนละอารมณ์กับในละครเลย เข้าฉากเลิฟซีนกับพี่หม่ำเป็นยังไงบ้าง

อยากให้ไปติดตามดูฉากนี้เพราะว่าฮากันมากๆ ส่วนพี่หม่ำเขาก็จะเป็นคนเขินอยู่ตลอดแล้ว แทบทุกฉาก คือมันไม่ได้เป็นฉากเลิฟซีนอะไรขนาดนั้น คือดูแล้วไม่ได้รู้สึกว่าอีโรติกอะไรขนาดนั้น ต้องบอกเลยว่าสาวิกาไม่เคยเล่นอะไรแบบนี้มาก่อน ต้องดูเบื้องหลังที่พี่หม่ำมาช่วย ต้องดูว่าช่วยยังไง อย่างฉากที่ต้องเลิฟซีน ก็เป็นเลิฟซีนแบบที่รุนแรงแต่ก็ตลก แล้วคำพูดในฉากเลิฟซีนไม่ใช่หวานแหววเหมือนทั่วไปนะ พี่หม่ำก็ช่วยดีไซน์คำพูดให้ ต้องลองดูกันการทำงานร่วมกับพี่หม่ำ

พอได้มาร่วมงานกับพี่หม่ำจริงๆ ก็รู้สึกว่า เขาเป็นผู้กำกับที่ทำหนังให้ออกมากลมกล่อม คือมีทุกรสชาติ คือการที่เราจะทำหนังตลกกี้ว่ามันยากนะ จะทำไงให้คนดูขำกับเราไปตลอด แต่ตอนที่เล่นเรื่องนี้เราขำจริง คือแบบคิดได้ยังไง แล้วพี่หม่ำเป็นคนหัวไวมาก ในการแต่งเติมมุก แล้วมันดูธรรมชาติ ไม่ได้ดูเหมือนกำลังเล่นตลกให้ดู คือเราเล่นกันเป็นธรรมชาติจริงๆ แล้วพี่หม่ำจะสอนเราตลอดเวลาที่เราจะเล่น คือจะมาพูดๆ กรอกหูเราจนเข้าไปในหัวแล้วก็เล่นแบบที่ไม่ต้องคิด เวลาที่เราเล่นมันก็จะไหลลื่นไปเลยสองดาวร้ายขวัญใจแม่ค้า “อ๋อม สกาวใจ” กับ “อุ้ม ลักขณา” ร่วมงานกันเป็นยังไงบ้าง

ก็น่ารักทั้งคู่เลย ถ้าพูดถึงพี่อ๋อม ความสวยงามนี่ต้องยกให้เลย เรื่องนี้เขาจะแต่งตัวสวยเลย ชอบฉากที่พี่อ๋อมเป็นแบบให้นายเพิ่มวาดรูป นายเพิ่มก็วาดแล้วมีเจ็ทสกีอยู่ที่พื้น ชอบตอนสุดท้ายที่พี่อ๋อมมาดูรูป ต้องดูว่าเป็นยังไง แล้วก็หัวเราะคือแบบตลกมาก เพราะเราทำแบบนั้นไม่ได้ หัวเราะแบบมีอินเนอร์ พี่เขาเป็นคนน่ารัก เวลาพักกองก็ถ่ายรูปเล่นกัน ส่วนพี่อุ้มก็สนิทกันเพราะเล่นละครด้วยกันตอนนี้ ซึ่งอย่างพี่อุ้มเวลาที่พี่หม่ำให้เล่นอะไรเล่นหมด ถือว่าเป็นนักแสดงที่ดีมากๆ ในเรื่องเขาก็จะเป็นเซ็กซี่แบบน่ารัก กี้ว่าไม่มีใครเหมาะเท่าเขาแล้วสำหรับบทนี้ ต้องมีฉากตบกันกับสองตัวร้ายด้วย

ก็เป็นฉากที่อู้อี้กำลังซักผ้าอยู่ แล้วสองคนนี้ก็เดินเข้ามาตบเรา เราก็โดนสาดน้ำเลย สาดดังฟุ่ม ทีนี้สองคนก็ไม่ไหวก็ตบกันเลย แต่การดีไซน์ท่าตบมันไม่ธรรมดา เป็นการตบที่เริ่มตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น คืออารมณ์เหมือนหนังจีนกำลังภายใน ผมปลิว ลอยบนอากาศ แล้วก็มีผิดคิวเล็กน้อย เป็นจังหวะที่เราต้องลอยไปแล้วพี่อุ้มต้องรับ แต่รับไปรับมาข้อมือพี่อุ้มซ้นเลย เพราะว่ามันล้มแรงมาก แล้วมีอยู่ฉากนึงที่พี่อ๋อมต้องเตะท้องกี้ เสร็จแล้วมันก็ต้องหงายเงิบกันไปทั้งหมด แล้วพอพี่อุ้มล้ม ขาเหมือนเทกระจาดคือล้มกันไปหมดเลย ดูในมอนิเตอร์แล้วภาพสวยและฮามากๆ ต้องลองดูกัน เสน่ห์ของทาสรักอสูร

กี้ว่าอารมณ์หนังเรื่องนี้เข้าถึงง่ายกับคนดู มันเป็นอะไรที่หนังไทยชัดๆ เลยแบบนี้ เป็นเรื่องราวที่คนไทยเคยดู อย่างที่เราเคยดูจะเป็นพระเอกโหดดึงนางเอกใสซื่อมาขังไว้ แต่ในหนังจะกลับกัน ให้คนดูได้เห็นอะไรที่มันฮา คือพยายามหยิบอะไรที่คนเข้าใจและเอามาทำให้มีสีสันมากขึ้น คือด้วยไดอะล็อกต่างๆ กี้ว่ามันน่าสนใจ คือมันเป็นสไตล์ของพี่หม่ำจริงๆ แล้วมันดูน่าสนใจ

ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง “ทาสรักอสูร” รับรองว่าเรื่องนี้ทั้งโหดทั้งฮา ครบรส ทั้งพี่หม่ำและตัวกี้ เรื่องนี้สุดๆ ไปเลย แล้วก็มีทั้งพี่อุ้มและพี่อ๋อม ก็ฝากไว้ด้วยค่ะ อย่าลืมไปดูกันนะคะ