เบนท์ลี่ย์ วี 8 เอส (V8 S) ใหม่ล่าสุด เปิดตัวสู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย

26 Jun 2014
เบนท์ลี่ย์ ประเทศไทย โดยบริษัท เอเอเอส ออโต้ เซอร์วิส จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เบนท์ลี่ย์อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทยของยนตรกรรมหรูรุ่นใหม่ล่าสุดจากเบนท์ลี่ย์ The New Continental GT V8 S and GT V8 S Convertible เชิญชวนทุกท่านสัมผัสโลกของ ‘S’ กับคำนิยามใหม่แห่งสปอร์ต บนความหรูหราที่สุดของเบนท์ลี่ย์เมื่อวันอังคารที่ 24 มิถุนายน 2557 ณ โชว์รูม PAG ชั้น 2 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน ที่ผ่านมา

เบนท์ลี่ย์เพิ่มสมาชิกใหม่ให้กับครอบครัวคอนติเนนทัล (Continental) นั่นคือรุ่น จีที วี8 เอส (GT V8 S) ใหม่ล่าสุดที่ทำการเปิดตัวในงานมหกรรมยานยนต์ IAA Frankfurt Motor Show โดยจะออกมาในรูปแบบ 2 เวอร์ชั่นนั่นคือรุ่นคูเป้และรุ่นเปิดประทุน รุ่น V8 S ใหม่ล่าสุดนี้ มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ Twin-turbo ขนาด 4 ลิตร ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดถึง 521 แรงม้า (528 PS / 389 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 680 นิวตันเมตร ระบบช่วงล่างได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่ รวมถึงเพิ่มสีภายนอกและภายในห้องโดยสารเพื่อเพิ่มจุดเด่นด้วยเช่นกัน

Dr Wolfgang Schreiber ประธานกรรมการและบริหารของเบนท์ลี่ย์ มอเตอร์ ได้กล่าวไว้ว่า:

“วี8 เอส (V8 S) ใหม่ล่าสุดของเรานี้จะกลายมาเป็นรุ่นที่เข้ามาเสริมและสร้างความตื่นเต้นให้กับครอบครัวคอนติเนนทัล (Continental) พละกำลังเครื่องยนต์และแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้น ช่วงล่างเน้นในเรื่องของความคล่องตัว ทำให้รถที่มาพร้อมเครื่องยนต์ V8 เวอร์ชั่นนี้ของเรามีสมรรถนะที่ยอดเยี่ยม และยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา และเปี่ยมไปด้วยคุณภาพชั้นเลิศตามแบบฉบับเบนท์ลี่ย์ทุกประการ นี่คือรถที่มีลักษณะโดดเด่นเป็นของตัวเอง มีความคล่องตัวสูง และให้ความแตกต่างอย่างชัดเจน”

คอนติเนนทัลใหม่ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และมีความคล่องตัวสูง

รุ่น วี 8 เอส (V8 S) ใหม่ล่าสุดนี้ถูกสร้างขึ้นจากความสำเร็จของรุ่นคอนติเนนทัล จีที V8 (Continental GT V8) มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนท์ลี่ย์ ขนาด 4 ลิตร twin-turbo V8 ให้พละกำลังเครื่องยนต์สูงสุดที่ 521 แรงม้า (528 PS / 389 กิโลวัตต์) ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุดที่ 680 นิวตันเมตร ที่รอบเครื่องยนต์ประมาณ 1,700 รอบ/นาที ระบบส่งกำลังหรือเกียร์ออกมาในรูปแบบระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด เสริมด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เน้นการกระจายแรงบิดไปทางด้านหลัง 40:60 เป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจว่าการกระจายพละกำลังเครื่องยนต์นั้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพิ่มพละกำลังมากขึ้นและไม่สะดุดอีกด้วย รุ่น จีที วี8 เอส คูเป้ (GT V8 S coupe) มีอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.5 วินาทีเท่านั้น ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 309 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนสมรรถนะของ จีที วี8 เอส (GT V8 S) รุ่นเปิดประทุนมีความน่าประทับใจเช่นกันโดยมีอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลา 4.7 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 308 กิโลเมตร/ชั่วโมง อีกทั้งยังประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นอย่างยิ่งโดยหากเติมน้ำมันเต็มถังนั้นทั้ง 2 รุ่นสามารถวิ่งได้ไกลถึง 805 กิโลเมตรเลยทีเดียว

การเพิ่มประสิทธิภาพของตัวถังให้กับรุ่นคอนติเนนทัล (Continental) จะทำให้รถมีสมรรถนะการทรงตัวที่ดียิ่งขึ้นและสามารถควบคุมได้ง่ายเหมาะสมกับเครื่องยนต์ที่มีพละกำลังสูง ทำให้รถขับเคลื่อนไปได้อย่างสะดวกสบายและมีประสิทธิภาพ หากตั้งค่าตัวถังในรูปแบบสปอร์ต จะพบว่าความสูงของตัวถังจะต่ำลงมาอีก 10 มิลลิเมตร ทางด้านหน้าและหลัง ในขณะที่ค่าความแข็ง-อ่อนคงที่ของสปริงที่จะยุบตัวเป็นสัดส่วนตามน้ำหนักที่กดทับและบาร์ป้องกัน (Anti-roll bar) ทางด้านหลังจะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ไม่เพียงเท่านี้เบนท์ลี่ย์ยังทำการตั้งค่าโช้คอัฟ, พวงมาลัย, และระบบ ESC ใหม่ เพื่อให้ได้มาซึ่งประสบการณ์การขับขี่อย่างสุนทรีย์ที่สุด

การออกแบบจะเน้นในเรื่องของความเฉียบคมและเต็มไปด้วยสไตล์รูปลักษณ์ที่โดดเด่นตามรูปแบบรถสปอร์ต แพ็คเกจสำหรับตกแต่งตัวรถส่วนล่างมาพร้อมกับการลดระดับช่วงล่างลงเพื่อให้เหมาะสมตามหลักอากาศพลศาสตร์ อีกทั้งยังมาพร้อมกับครีบด้านข้างและครีบกระจายอากาศด้านหลังที่สง่างามสีดำ Beluga gloss black ส่วนล้อมีขนาด 20 นิ้วที่เพิ่มความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์และพิเศษเฉพาะสำหรับรุ่น วี8 เอส (V8 S) เท่านั้น เบรกคาลิปเปอร์สีแดง ส่วนโลโก้ “V8 S” จะแสดงให้เห็นถึงความเป็นสปอร์ตอย่างแท้จริง ปลายท่อออกมาในรูปแบบสปอร์ตใหม่ล่าสุด

ภายในห้องโดยสารของ วี8 เอส (V8 S) นำเสนอถึงความทันสมัยและหรูหราตามแบบฉบับของเบนท์ลี่ย์ มาพร้อมกับภายในห้องโดยสารแบบทูโทน สีขอบตกแต่งภายในห้องโดยสารสามารถเลือกได้ถึง 17 สีเลยทีเดียว จีที วี8 เอส คูเป้ (GT V8 S Coupe) ยังมีความโดดเด่นด้วยเส้นขอบตัดภายในที่โดดเด่นและตัดกับเส้นลายหลังคาได้อย่างหรูหราสง่างาม ปุ่มสวิทซ์ไปจนถึงก้านเกียร์รวมถึงปุ่มควบคุมเบาะพ่นลมมีความสง่างามและตัดกับลายไม้ Piano Black ได้อย่างลงตัว ไม่เพียงเท่านี้ยังได้รับการเสริมทัพด้วยโลโก้ “V8 S” แสดงความแตกต่างที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วย