ดัชนี SET50 มีการฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อยในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่ม
ธนาคารขนาดใหญ่ที่เข้ามาช่วยหนุนตลาด โดยมีปริมาณการซื้อขายที่ 43,340.19 ล้านบาท โดยวันนี้ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงแรกจากปัจจัยบวกจากต่างประเทศอย่างดัชนี PMI ภาคการผลิตโดย HSBC ของจีนออกมาดีกว่าที่คาด รวมถึงดัชนี PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่น แต่อาจมี Upsideที่ไม่มากนัก หลังจากที่ปัจจัยในประเทศยังคงไม่มี ปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามาหนุนดัชนี รวมถึงอาจมีแรงขายโดยเฉพาะจากกลุ่มพลังงานกดดันดัชนีจากผลกระทบของการปฏิรูปพลังงานของ คสช. และจากโครงการลงทุนต่างๆที่ต้องหยุดชะงักเพื่อรอการตรวจสอบจาก คสช. นอกจากนี้ยังมีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติที่อย่างต่อเนื่อง และผลลบต่อบรรยากาศการลงทุนหลังจากสหรัฐฯมีการปรับลดอันดับของประเทศไทยในด้านการค้ามนุษย์สู่ระดับต่ำสุด ด้านสถานกาณณ์ในยูเครนกลับมาตึงเครียดอีกครั้ง หลังจากที่กลุ่มกบฏปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิงของประธานาธิบดียูเครน ค่าเงินบาทอยู่ที่ 32.41 บาทต่อดอลลาร์
แนวโน้มดัชนี SET50 นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด ตัวเลขเศรษฐกิจจีนและญี่ปุ่นที่ออกมาดีกว่าที่คาดหนุนให้ดัชนีมีการปรับตัวขึ้นในระยะสั้น นอกจากนี้ยังมีแรงหนุนจากกลุ่มก่อสร้างและกลุ่มพลังงานที่น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบ แต่ยังคงมีปัจจัยลบโดยเฉพาะจากการปรับลดอันดับการค้ามนุษย์ของไทยลงสู่ระดับต่ำสุดอาจส่งผลลบต่อบรรยากาศการลงทุน ทางเทคนิค แนวรับสำคัญ 972 จุด แนวต้าน 1,000 จุด