นายสุรพงศ์ นิลพันธุ์ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. เปิดจำหน่าย“สลากออมทรัพย์ทวีสิน 2557” จำนวน 30,000 ล้านบาท ในราคาหน่วยละ 500 บาท แบ่งเป็น 6 หมวด หมวดละ 10 ล้านหน่วย รวม 60 ล้านหน่วย อายุการรับฝาก 3 ปี โดยเปิดรับฝากแล้ววันนี้ที่ ธ.ก.ส.ทุกสาขา และครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 20 สิงหาคม 2560 ซึ่งผู้ฝากที่ฝากครบกำหนดระยะเวลาจะได้รับคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยหน่วยละ 18 บาท ทั้งนี้ระหว่างที่ถือสลากจะมีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัลทุกวันที่ 16 ของเดือน รวม 36 ครั้ง เริ่มออกรางวัลครั้งแรกในวันที่ 16 กันยายน 2557 และออกรางวัลครั้งสุดท้ายวันที่ 16 สิงหาคม 2560 โดยรางวัลที่ 1 มี 1 รางวัล มูลค่า 20 ล้านบาท รางวัลที่ 1 ต่างหมวด มี 5 รางวัล รางวัลละ 500,000 บาท รางวัลที่ 2 หมุน 3 ครั้ง มี 18 รางวัล รางวัลละ 150,000 บาท รางวัลที่ 3 หมุน 10 ครั้ง มี 60 รางวัล รางวัลละ 30,000 บาท รางวัลที่ 4 หมุน 20 ครั้ง มี 120 รางวัล รางวัลละ 15,000 บาท รางวัลที่ 5 หมุน 100 ครั้ง มี 600 รางวัล รางวัลละ 7,000 บาท รางวัลเลขท้าย 3 ตัวหมุน 2 ครั้ง 120,000 รางวัล รางวัลละ 200บาท และพิเศษสำหรับ“สลากออมทรัพย์ทวีสิน 2557” ธ.ก.ส.ได้เพิ่มรางวัลเลขท้าย 4 ตัว หมุน 1 ครั้ง จำนวน 6,000 รางวัลรางวัลละ 300 บาท รวมรางวัลที่ผู้ฝากจะได้ลุ้นในแต่ละงวดจำนวนทั้งสิ้น 126,804 รางวัล รวมมูลค่า 58,800,000 ล้านบาทต่องวด
นายสุรพงศ์ กล่าวอีกว่า การออก“สลากออมทรัพย์ทวีสิน 2557” ครั้งนี้ นอกจากผู้ฝากจะได้รับเงินต้นคืน ได้ดอกเบี้ย ได้ลุ้นโชครวมกว่า 58 ล้านบาททุกเดือน รวม 36ครั้งแล้วยังมีส่วนร่วมในการบริจาคเงินเพื่อช่วยผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากแผ่นดินไหวในเขตพื้นที่ภาคเหนือตอนบน รวมทั้งบูรณะวัดที่ได้รับความเสียหาย โดยทุกหน่วยที่ร่วมฝากกับ ธ.ก.ส. ทางธนาคารจะสมทบเงินเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยหน่วยละ 1 บาท
ด้านความช่วยเหลือในส่วนของ ธ.ก.ส. หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ได้จัดถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า และเงินสนับสนุนกิจกรรมการช่วยเหลือต่างๆ ผ่าน อบต.และหน่วยบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆในพื้นที่โดยในส่วนของประชาชนที่ประสบภัยร้ายแรง ธ.ก.ส.ได้มอบเงินช่วยเหลือรายละ 20,000 บาท จำนวน 117 ราย และที่เสียหายบางส่วนรายละ 2,000 บาท จำนวน 8,170 รายรวมจำนวนเงินที่เข้าไปช่วยเหลือในเบื้องต้น 22 ล้านบาทและหลังจากสำรวจความเสียหายจริงพบว่ามีผู้ประสบภัยเสียหายร้ายแรงทั้งที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินจำนวน 113 ราย จำแนกเป็นเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.จำนวน 34ราย ประชาชนทั่วไป 79 ราย ซึ่งในส่วนของลูกค้า ธ.ก.ส.ทั้ง 34รายดังกล่าวได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงาน และองค์กรสาธารณกุศลต่าง ๆ ในการสร้างที่อยู่อาศัยไปแล้วบางส่วน คงเหลือเกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส.ที่ยังไม่ได้รับการช่วยเหลืออีก 21 ราย ซึ่ง ธ.ก.ส.จะช่วยเหลือเพิ่มเติมโดยการมอบเงินเพื่อสมทบในการสร้างบ้านอีกรายละ 350,000 บาท ส่วนกรณีผู้ที่ประสบความเสียหายบางส่วนซึ่งเป็นลูกค้า ธ.ก.ส. มีจำนวน 2,356 รายธ.ก.ส.ได้มอบเงินช่วยเหลือตามความเสียหายจริงแต่ไม่เกินรายละ 10,000 บาท ที่เหลือเป็นการร่วมบริจาคเพื่อบูรณะศาสนสถานและสมทบเข้ากองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยจังหวัดเชียงราย จำนวนเงินที่ใช้ไปทั้งสิ้น 60 ล้านบาทรวมการช่วยเหลือในส่วนของ ธ.ก.ส.ที่ได้ดำเนินการไปแล้วคิดเป็นจำนวนเงิน 82ล้านบาท
ในส่วนของการช่วยเหลือผ่านมาตรการด้านสินเชื่อ ธ.ก.ส.ได้ขยายเวลาชำระหนี้ที่ถึงกำหนดออกไปไม่เกิน 1 ปี และให้สินเชื่อเพื่อสร้างหรือซ่อมแซมที่อยู่อาศัย โดยการลดหย่อนหลักเกณฑ์ ทั้งการขยายหลักประกันจำนองโดยให้กู้ได้ไม่เกินวงเงินจำนอง ขยายหลักประกันเงินกู้ประเภทบุคคล 2 คนขึ้นไป สามารถค้ำประกันหนี้เงินกู้ในวงเงินค้ำประกันไม่เกิน 500,000 บาท โดยลดดอกเบี้ยเงินกู้แบบขั้นบันไดในอัตราที่ต่ำกว่า MRRใน 3ปีแรก(ปัจจุบัน MRR เท่ากับร้อยละ 7 ต่อปี) รวมทั้งการปรับตารางการชำระหนี้ใหม่ให้สอดคล้องกับรายได้ โดยกำหนดให้มีการขยายเวลาการชำระหนี้ได้ถึง 20 ปี
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit