บริษัท วี-กัลลิเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายรถมือสองภายใต้แฟรนไชส์กัลลิเวอร์ เดินหน้าขยายเครือข่ายครอบคลุมทั่วประเทศ โดยจะเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิกในครอบครัวกัลลิเวอร์ภายใต้แฟรนไชส์กัลลิเวอร์
มร. คัทสึชิ โนมูระ กรรมการผู้จัดการบริษัท วี-กัลลิเวอร์ จำกัด เปิดเผยว่าขณะนี้ได้เริ่มเจรจากับผู้สนใจร่วมธุรกิจกับกัลลิเวอร์ในรูปแบบแฟรนไชส์ ซึ่งรวมถึงผู้ร่วมธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์จากประเทศญี่ปุ่นด้วย “ขั้นต่อไปของเราคือการรุกสื่อสารไปถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อเชิญชวนเข้าร่วมธุรกิจกับเราในรูปแบบแฟรนไชส์”
มร.โนมูระ กล่าวว่าบริษัทฯ จะเริ่มเจรจากับกลุ่มเป้าหมายซึ่งประกอบด้วยผู้ประกอบการรถมือสองอิสระ หรือเต็นท์รถมือสอง โชว์รูมรถใหม่ บริษัทเช่าซื้อรถยนต์ บริษัทรถเช่าและนักธุรกิจที่มีความสนใจในธุรกิจรถมือสอง
“แน่นอนครับเรามีการสนับสนุนแก่ผู้เข้าร่วมธุรกิจกับเรา ได้แก่การฝึกอบรม ซึ่งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีประสบการณ์ในธุรกิจรถมือสอง แต่มีความสนใจจะเข้าสู่ธุรกิจนี้ ซึ่งเราจะสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กันภายใต้โครงการส่งเสริมของเรา” มร. โนมูระ กล่าวมร. โนมูระ กล่าวว่าขณะนี้บริษัทฯ ได้เปิดโชว์รูมภายใต้แฟรนไชส์ของกัลลิเวอร์แห่งแรกบนถนนศรีนครินทร์ และเตรียมที่จะเปิดอีก 2 แห่งในจังหวัดนครสวรรค์และเชียงใหม่ในอีก 2 – 3 เดือนข้างหน้า “เรากำลังเจรจากับพันธมิตรของเราที่จะเปิดสาขาเพิ่มเติม โดยภายในสิ้นปีนี้ เราเชื่อมั่นว่าจะสามารถเปิดได้ครบ 10 สาขาและปีหน้าเพิ่มเป็น 100 สาขาทั่วประเทศ”
มร.โนมูระ กล่าวว่าผู้สนใจร่วมธุรกิจกับกัลลิเวอร์ จะต้องมีเงินทุนเริ่มต้นที่ 25 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นค่าก่อสร้าง 10 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน และสต็อคของรถ ซึ่งภายใต้แผนธุรกิจของบริษัทฯ จะคืนทุนประมาณ 3 ปี โดยจะมีการสนับสนุนการฝึกอบรม รวมถึงการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์จากประเทศญี่ปุ่นมายังประเทศไทย
“ผมอยากจะบอกว่าปัจจุบันตลาดรถมือสองในประเทศไทยนั้นถือว่าย้อนยุคตลาดรถมือสองในญี่ปุ่นประมาณ 20 ปี ซึ่งเราได้ใช้ความพยายามในการพัฒนาและปรับปรุงให้ตลาดรถมือสองในญี่ปุ่นมีความทันสมัย จนถึงวันนี้ ผมสามารถบอกได้ว่าตลาดรถมือสองในประเทศญี่ปุ่นเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคชาวญี่ปุ่น” มร. โนมูระ กล่าว
มร. โนมูระ กล่าวว่าเป็นเรื่องยากที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้าที่จะซื้อหรือขายรถมือสองภายใต้ระบบปัจจุบันในประเทศไทย ทั้งนี้เพราะทั้งผู้ซื้อและผู้ขายมีความกังวลว่าจะถูกเอารัดเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตาม ภายใต้ระบบของกัลลิเวอร์ ได้มีการพัฒนาระบบการซื้อการขายที่ผ่านการพิสูจน์จากประเทศญี่ปุ่นมาแล้วถึง 20 ปี
“สำหรับประเทศไทย เราได้พัฒนาระบบ PSA (Purchase and Sales Assessment System) เพื่อสร้างความโปร่งในการซื้อขายรถมือสอง ซึ่งภายใต้ระบบนี้ จะมีข้อมูลอ้างอิงจากการรวบรวมราคาซื้อขายในแหล่งประมูลรถยนต์ที่ได้รับการยอมรับ รวมไปถึงราคาขายปลีก ทั้งนี้เพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงให้แก่ลูกค้าที่ต้องการจะสืบราคารถมือสอง” มร. โนมูระ กล่าว
นอกจากนี้ ภายใต้ระบบ PSA ผู้ร่วมธุรกิจในระบบแฟรนไชส์ของกัลลิเวอร์ทุกแห่งจะสามารถแลกเปลี่ยนรถยนต์สต็อคระหว่างกัน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการแต่ละรายมีรถยนต์มีโอกาสขายรถที่หลากหลายมากขึ้น จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการนำเสนอสินค้าที่มากขึ้นกว่าที่มีอยู่ในสต็อค ซึ่งภายใต้ระบบของกัลลิเวอร์นั้น บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นว่าแบรนด์กัลลิเวอร์จะได้รับการยอมรับในตลาดประเทศไทยในอนาคตอันใกล้เพราะกัลลิเวอร์ได้แนะนำระบบธุรกิจรถมือสองที่ได้รับการยอมรับสู่สังคมไทย โดยเฉพาะข้อเสนอรับประกันความพึงพอใจของลูกค้าด้วยการรับซื้อคืนภายใน 30 วันหรือ 5,000 กิโลเมตร พร้อมทั้งการรับประกันมาตรฐาน 6 เดือนหรือ 10,000 กิโลเมตร ตลอดจนข้อเสนอเพิ่มเติมรับประกัน 1 – 3 ปีแล้วแต่อายุของรถยนต์
มร.โนมูระ กล่าวว่าระบบแฟรนไชส์นั้นถือเป็นทางด่วนสู่ความสำเร็จ สามารถเติบโตได้ถึงปีละ 20% ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาแบรนด์ที่เป็นของตัวเองพร้อมด้วยเครือข่ายที่แข็งแรงทั่วประเทศ
“ผมอยากจะย้ำว่าประมาณ 98% ของชาวญี่ปุ่นรู้จักแบรนด์กัลลิเวอร์ และผมก็มั่นใจว่าเราจะสามารถสร้างแบรนด์ให้เป็นที่ยอมรับของสังคมไทยได้เป็นอย่างดี” มร. โนมูระ กล่าว
มร. โนมูระ กล่าวว่ากัลลิเวอร์มีความเชื่อมั่นตลาดประเทศไทยอย่างมากทั้งนี้เพราะจากการสำรวจของ JETRO พบว่าในประเทศไทยมีเพียง 13.8% ของครัวเรือนเป็นเจ้าของรถยนต์เมื่อปี 2553 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศญี่ปุ่นที่มีตัวเลขสูงถึง 86.5% ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพการเติบโตของตลาดรถมือสองในประเทศไทย
กัลลิเวอร์ ถือเป็นค่ายรถมือสองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น โดยได้ลงทุนร่วมกับ วี-กรุ๊ป ซึ่งกลุ่มธุรกิจยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทย ร่วมก่อตั้งบริษัท วี-กัลลิเวอร์ จำกัด เพื่อรุกตลาดประเทศไทย ขณะนี้ กัลลิเวอร์ กำลังเร่งขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั้งประเทศ เพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีอยู่ 1 สาขาบนถนนศรีนครินทร์ ซึ่งใช้เงินลงทุนก่อสร้างโชว์รูมแห่งนี้ประมาณ 10 ล้านบาท
สำหรับกัลลิเวอร์ในประเทศญี่ปุ่นนั้น ก่อตั้งมานานกว่า 20 ปี โดยปัจจุบันได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของบริษัทค้ารถมือสองในประเทศญี่ปุ่น มีสาขาทั้งสิ้น 430 สาขาในปัจจุบัน และมีการซื้อรถมือสองปีละประมาณ 200,000 คัน และขายรถออกตรงสู่ผู้บริโภคประมาณปีละ 60,000 คันผ่านเครือข่าย 430 สาขาแฟรนไชส์ทั่วประเทศญี่ปุ่น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit