นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ออสสิริส กรุ๊ป เปิดเผยว่า ออสสิริส เป็นบริษัทที่ไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา โดยตลอดระยะเวลากว่า 80 ปีที่ผ่านมา บริษัทได้ใช้ประสบการณ์ด้านทองคำรูปพรรณและทองคำแท่งเพื่อการลงทุน มาพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท และบริษัทในเครืออย่างต่อเนื่อง เพื่อมุงตอบสนองความต้องการ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับนักลงทุนทองคำ ล่าสุด บริษัทได้เปิดตัว "AUSIRIS The World of Gold" แฟล็กชิพ สโตร์ บริเวณชั้นจี อาคารยูไนเต็ด เซ็นเตอร์ ถนนสีลม กรุงเทพฯ โดยเป็นแฟล็กชิพ สโตร์สาขาต้นแบบที่เปิดให้บริการด้านการลงทุนทองคำแบบครบวงจร ทั้งผลิตภัณฑ์ทองคำคุณภาพระดับโลกและบริการที่ปรึกษาด้านการลงทุนทองคำ ด้วยทีมงานที่เปี่ยมประสบการณ์และผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่สามารถให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพ
"AUSIRIS The World of Gold" แฟล็กชิพ สโตร์ เป็นรูปแบบการค้าทองแนวคิดใหม่ที่เป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของการขยายธุรกิจที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของออสสิริส กรุ๊ป ที่มุ่งพัฒนาธุรกิจให้เติบโตเคียงคู่ไปกับลูกค้าและนักลงทุน ยุทธศาสตร์การเลือกทำเลที่ตั้งสาขาบนพื้นที่เขตเศรษฐกิจสำคัญทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เช่น ย่านธุรกิจสีลม ที่ถือเป็นศูนย์รวมด้านการเงิน ทองคำ การลงทุนอื่นๆ ทั้งไทยและต่างชาติอีกหลากหลายธุรกิจ จะช่วยให้ออสสิริสสามารถขยายโอกาสธุรกิจในการให้บริการลูกค้าและนักลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับสโลแกน (Slogan) ใหม่ของออสสิริส "AUSIRIS GOT WEALTH, GET SMART"
ออสสิริส มีผลิตภัณฑ์และบริการครบถ้วน ทั้งเรื่องการลงทุน และเรื่องการซื้อ-ขายในตลาดทองคำ ในส่วนผลิตภัณฑ์ ออสสิริสมีผลิตภัณฑ์ด้านการลงทุนที่หลากหลาย อาทิ เหรียญทองคำ ทองคำแท่ง หรือโปรแกรมออมทอง ขณะที่การให้บริการ ออสสิริสได้สร้างสรรค์ความทันสมัยและสะดวกสบายให้กับการลงทุนทองคำ โดยนำจุดเด่นของโบรกเกอร์และร้านค้าทองมาผสมผสานกันจนก่อเกิดเป็นมิติใหม่ของการลงทุนทองคำแท่งแห่งแรกในประเทศไทย พร้อมบริการให้คำแนะนำอย่างมืออาชีพและเป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจเพื่อก่รลงทุน รวมถึงการให้บริการพื้นฐานเพื่อการทำธุรกรรมซื้อ-ขายด้วยตนเอง ผ่านระบบโทรศัพท์ สาขา และระบบออนไลน์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ขยายเวลาทำธุรกรรมซื้อ-ขายทองคำแท่งด้วยตนเองใหม่ให้ครอบคลุมตลาดทองทั่วโลกด้วย
สำหรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2557 ออสสินิสยังคงเดินหน้าสรรหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์และบริการของออสสิริส และเพื่อช่วยผลักดันให้แบรนด์ออสสิริสเป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ เช่น การจับมือกับ แพ็มพ์ (PAMP) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และสถาบันการเงินชั้นนำ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนสานต่อแนวทางด้านการตลาด โดยเน้นไปที่การสื่อสารผ่านโลกสังคมออนไลน์ (Social Media) ที่ล่าสุด บริษัทเปิดให้บริการผ่านแอพพลิเคชั่น "วี แชท" (We Chat) "AusirisGroup" official Account หลังจากที่ก่อนหน้านี้ บริษัทเปิดให้บริการผ่านเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ และไอจี ไปแล้ว รวมถึงบริษัทมีการพัฒนาเว็บไซต์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการดูราคาทองแบบเรียลไทม์ และสามารถรองรับการเข้าถึงข้อมูลทุกขนาดหน้าจอผ่านช่องทางโทรศัพท์มือถือและแทปเลต รวมถึงการเพิ่มช่องทางการเปิดบัญชีซื้อ-ขาย ทองคำแท่งแบบออนไลน์ ที่ใช้เวลาเพียง 1 วัน และลูกค้าสามารถซื้อ-ขายได้เลยภายในวันถัดไป
นอกจากนี้ ออสสิริส ยังให้ความสำคัญกับการบริหารความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้านักลงทุน โดยการสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ เช่น การสร้างคอมมูนิตี้ "Ausiris Futures Club"สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าสมาชิกออสสิริส ฟิวเจอร์ การอบรมสัมมนากับกูรูชื่อดัง การดูแลพอร์ทด้วยตนเอง รวมถึงจุดให้บริการ ไอซี คอร์นเนอร์ สำหรับนักลงทุนอนุพันธ์ แบบเป็นกันเองในแฟล็กชิป สโตร์แห่งนี้ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสร้างประสบการณ์ด้านการลงทุนแก่ลูกค้า อีกทั้งเป็นการตอบแทนและขอบคุณสมาชิกออสสิริสที่ไว้วางใจให้บริษัทเป็นผู้ดูแลและบริหารความมั่งคั่ง เพื่ออนาคตที่รุ่งโรจน์
ด้าน นายธนสิน กลีบลำเจียก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการค้าและการลงทุน (Chief Commercial Officer (CCO)) บริษัท ออสสิริส จํากัด กล่าวว่า แนวโน้มราคาทองคำ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2557 นั้น จากการคาดการณ์ราคาทองคำครึ่งปีหลังมีทิศทางเป็น Sideway Up ซึ่งเคลื่อนตัวผันผวน ตลอดครึ่งหลังของปี โดยมีปัจจัยบวกจากแรงซื้อทองคำของกลุ่ม Jewelry และ กลุ่มInvestment ของฝั่งทวีปเอเซียได้แก่ จีน อินเดีย และไทย รวมถึงปัจจัยความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศยูเครนและประเทศอิรัก ซึ่งยังคงให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องกับปัจจัยการลด QE และการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐหลังภาพรวมเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น รวมถึงอัตราการว่างงานลดลง ซึ่งประเมินว่าจะยังคงไม่ปรับอย่างรวดเร็ว รวมทั้งตลาดมีการรับข่าวการลด QE และการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ประเมินว่าเป็นปัจจัยบวกเช่นเดียวกัน และในส่วนความต้องการในกลุ่มการลงทุนทั้ง Gold ETF และ Gold Futures ที่มีแรงขายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้วเราประเมินว่าจากที่มีแรงขายทองคำของกลุ่มดังกล่าว ในช่วงครึ่งปีหลังน่าจะมีแรงซื้อกลับของกลุ่มการลงทุนกลับเข้ามา ซึ่งก็ถือว่าเป็นปัจจัยบวกกับทองคำเช่นเดียวกัน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit