คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ทั้ง 300 คันนี้ จะสร้างขึ้นจากงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยม ณ เมือง Crewe และเก็บรายละเอียดไปจนถึงขั้นตอนสุดท้ายของการผลิตที่แผนกมอเตอร์สปอร์ตของเบนท์ลี่ย์
วิศวกรจากเบนท์ลี่ย์พัฒนาคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ขึ้นมาให้มีประสิทธิภาพสูงด้วยเครื่องยนต์ขนาด 4.0 ลิตร twin-turbo V8 ซึ่งสามารถผลิตพละกำลังเครื่องยนต์ได้สูงสุดถึง 572 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 700 นิวตันเมตร น้ำหนักรถลดลงถึง 100 กิโลกรัม อีกทั้งยังสามารถลดระยะเวลาการทดเกียร์ลงได้อีกด้วย อัตราเร่งของคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ถือได้ว่าเร็วที่สุดสำหรับเบนท์ลี่ย์เลยทีเดียว และอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทำได้ในระยะเวลา 3.8 วินาที
ระบบขับเคลื่อนได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดโดยมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ติดตั้งระบบการกระจายแรงบิดมาด้วยเป็นครั้งแรก ทำงานร่วมกับระบบ Electronic Stability Control (ESC)
และตัวถังที่ได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำและแข็งแกร่ง คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คือรถที่คล่องตัวที่สุด ตอบสนองได้ดีที่สุด และสอดคล้องกับรถยนต์เบนท์ลี่ย์ที่ใช้วิ่งบนท้องถนนอีกด้วย
Wolfgang Dürheimer ประธานกรรมการและบอร์ดบริหารของเบนท์ลี่ย์ได้กล่าวไว้ว่า:
“ประสบการณ์จากการขับขี่คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คือแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ และทำให้สมรรถนะความคล่องตัวของรถแกรนด์ ทัวเร่อ ของเราก้าวขึ้นไปอีกหนึ่งระดับ พวกเราได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์บางสิ่งที่พิเศษสุดสำหรับรถที่ใช้บนท้องถนนครบครันด้วยประสิทธิภาพดั่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) ของเรา ถือได้ว่าเป็นการสรรสร้างขึ้นมาจากความหลงใหลใน เบนท์ลี่ย์และความต้องการสร้างรถที่เหนือชั้นให้กับผู้ขับขี่ได้ใช้งานตามความเป็นเบนท์ลี่ย์อย่างแท้จริง ดังนั้นคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) คันนี้จึงเป็นรถแกรน ทัวเร่อ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากสนามแข่งและความหรูหราอย่างที่สุด ส่งผลให้รถรุ่นนี้สร้างเครื่องหมายการค้า (Trademark) ให้กับพวกเราในเรื่องของการผสมผสานกันระหว่างความหรูหราและประสิทธิภาพที่เหนือชั้นของรถได้อย่างลงตัว
ปรับเปลี่ยนการขับเคลื่อนใหม่เพื่อพัฒนาอัตราเร่งให้ดียิ่งขึ้น
เบนท์ลี่ย์ทำการพัฒนาและผสมผสานประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน รวมถึงระบบไอเสียให้มีประสิทธิภาพและสมรรถนะที่ยอดเยี่ยมสำหรับ GT3-R โดยเครื่องยนต์มีขนาด 4.0 ลิตร Twin-Turbo V8 ซึ่งได้รับการพิสูจน์ถึงความเหนือชั้นมาแล้วบนสนามแข่ง โดยคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) มาพร้อมด้วย Turbo chargers ที่มีกำลังสูงและแม่นยำ อีกทั้งยังพัฒนาซอฟแวร์ในการควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ขึ้นมาใหม่ ส่งผลให้ได้พละกำลังเครื่องยนต์ที่เหนือชั้นถึง 572 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 700 นิวตันเมตร จากรอบเครื่องยนต์ 1,700 รอบต่อนาทีเลยทีเดียว
ระบบส่งกำลังของเครื่องยนต์หรือระบบเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 สปีด ของคอนติเนนทัล ยังช่วยเพิ่มพละกำลังเครื่องยนต์ให้มากขึ้น ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์สั้นลงเพื่อเพิ่มศักยภาพสำหรับอัตราเร่งของเครื่องยนต์ให้ดียิ่งขึ้น มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใหม่ล่าสุด และเสริมระบบการกระจายแรงบิดเข้าไปเพื่อช่วยในการควบคุมแรงบิดบนล้อหลังแต่ละล้อเพื่อการขับเคลื่อนที่สมบูรณ์แบบเป็นครั้งแรกในรถคันนี้อีกด้วย ซอฟแวร์ที่ใช้ในการควบคุมระบบได้รับการตั้งค่าใหม่หมดซึ่งนั่นหมายถึงโหมดขับขี่แบบ Drive และ Sport ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยเช่นกัน แต่ละโหมดมีคุณลักษณะที่โดดเด่นแตกต่างกันออกไป สำหรับโหมด Sport จะให้สัมผัสถึงการขับขี่ที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณของความเป็นรถสปอร์ต ผู้ขับขี่สามารถควบคุมการขับขี่ผ่านฟังก์ชั่นบนก้านเกียร์
ระบบไอเสียแบบไทเทเนี่ยมใหม่ล่าสุดทำให้รถมีเสียงของเครื่องยนต์ที่ไพเราะและเหมาะกับระดับของสมรรถนะเครื่องยนต์ ไม่ใช่แค่เพียงช่วยลดน้ำหนักของรถลง 7 กิโลกรัม เท่านั้น ยังช่วยให้ได้มาซึ่งเสียงของเครื่องยนต์ที่ดุดันและไพเราะอีกด้วย
ระบบตัวถังเพื่อการขับขี่ที่เหนือชั้น
เพื่อให้ได้มาซึ่งสมรรถนะการขับเคลื่อนที่มีความคล่องตัวสูงเหมาะกับกลุ่มตลาดแกรนด์ ทัวริ่ง (Grand Touring) คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) จึงได้พัฒนาระบบตัวถังใหม่โดยเน้นในเรื่องของประสิทธิภาพเป็นหลัก ทำให้เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ สปริงแบบ Air Springs และโช้คช่วงล่างได้รับการพัฒนาใหม่ โดยการตั้งค่าให้เน้นความเป็นสปอร์ตเป็นสำคัญ เหมือนกับที่ใช้กับรถรุ่นคอนติเนนทัล V8 เอส (Continental V8 S) ซึ่งถือได้ว่าเป็นรถที่มีศักยภาพในการรักษาเสถียรภาพได้ดีที่สุดจากเบนท์ลี่ย์ ล้อมีขนาด 21 นิ้ว น้ำหนักเบา ติดตั้งยาง Pirelli เพื่อทำการส่งผ่านพละกำลังของเครื่องยนต์ระบบเหล่านี้จะทำงานร่วมกับระบบ Electronic Stability Control programme ที่เน้นความเป็นสปอร์ต ส่งผลให้รถมีเสถียรภาพในการทรงตัวในระดับที่ดีเยี่ยม เกาะถนนได้เป็นอย่างดี ตัวถังและระบบขับเคลื่อนจะตอบสนองต่อคันเร่งได้โดยทันที
การลดอัตราเร่งของเครื่องยนต์ด้วยระบบเบรก Carbon Silicon Carbide (CSiC) braking system โดยจานเบรกทางด้านหน้ามีขนาด 420 มิลลิเมตร มาพร้อมกับ คาลิปเปอร์เบรกแบบ 8 สูบ และพ่นสีเขียวสร้างความโดดเด่น ทางด้านหลังมีขนาด 356 มิลลิเมตร ระบบเบรก CSiC นี้คือผลงานชิ้นโบว์แดงของวิศวกรจากเบนท์ลี่ย์
Rolf Frech สมาชิกบอร์ดบริหารฝ่ายวิศวกรของเบนท์ลี่ย์ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับสมรรถนะของ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ไว้ว่า:
“พวกเราต้องการพัฒนาระบบขับเคลื่อนและระบบตัวถังให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อนสำหรับโปรเจคคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) นี้ ผลลัพธ์ที่ได้คือคอนติเนนทัล จีที (Continental GT) คันนี้มีความคล่องตัวที่มากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา และมาพร้อมกับระบบการกระจายแรงบิด torque vectoring system เพื่อลดอาการปัด ตัวถังได้รับการปรับเปลี่ยนให้มีการตอบสนองโดยตรงมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านี้เรายังสร้างความแตกต่างให้กับโหมด Drive และโหมด Sport มากขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่มีตัวเลือกในการใช้งานได้หลายรูปแบบ เช่น แบบสะดวกสบายผ่อน
คลายหรือต้องการการตอบสนองแบบกระชับทันทีอย่างแกรนด์ ทัวเร่อ (Grand Tourer) และการตอบสนองแบบซูเปอร์คาร์อย่างแท้จริง เครื่องยนต์ V8 ได้รับการพัฒนาให้มาพร้อมกับ Turbo chargers ใหม่ล่าสุดเพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียกำลังจากเทอร์โบ เบนท์ลี่ย์คือรถที่มีความคล่องตัวสูง เรียกได้ว่าเป็นรางวัลสำหรับผู้ขับขี่นั่นเอง”
มอบความหรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น
เบนท์ลี่ย์คือการผสมผสานความหรูหราควบคู่ไปกับประสิทธิภาพที่เหนือชั้น คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) เช่นเดียวกัน ห้องโดยสารแบบ 2 ที่นั่งเต็มไปด้วยงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมจากคาร์บอน ไฟเบอร์และหนัง Alcantara® ภายในห้องโดยสารได้รับการออกแบบให้เหมาะกับประสิทธิภาพการขับขี่ที่คล่องตัว
เบาะ 2 ที่นั่งออกมาในรูปแบบเบาะสปอร์ต bespoke sporting seats ใหม่ล่าสุด ซึ่งมีหมอนเบาะด้านข้างที่ลึกมากยิ่งขึ้นรวมถึงการออกแบบชั้นโฟมใหม่เพื่อความสะดวก สบายมาก หนังเป็นสี Beluga black ควบคู่กับหนัง Alcantara® ที่มีรอยตะเข็บแบบ diamond-quilted คอนโซลกลางและแผงหน้าปัดด้านหน้าของรถทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ประตูได้รับการเติมแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ด้วยเช่นกัน และเสริมด้วยหนัง Alcantara® ลาย diamond-quilted ห้องโดยสารด้านหลังได้รับการออกแบบ และตกแต่งลายขอบใหม่หมด มาพร้อมกับชิ้นส่วนของคาร์บอนไฟเบอร์โดยรอบและปิดท้ายด้วยหนัง Alcantara®
เส้นขอบตกแต่งบริเวณที่นั่งด้านหลังได้รับการออกแบบใหม่ให้โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับคาร์บอน ไฟเบอร์ และหนังโดยรอบ โดยหนังจะเป็นสี Beluga ผสมผสานกับสีของมอเตอร์สปอร์ตนั่นคือ Vivid accent Green ที่ตัดกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแผงหน้าปัด แผงประตู และเบาะนั่ง โลโก้ GT3-R ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง และสลักด้วยสีเขียวบนที่พักศรีษะด้วยเช่นกันรูปลักษณ์ภายนอกที่แสดงให้เห็นถึงจุดประสงค์ภายในของรถได้อย่างชัดเจน
ภายนอกของ คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ทีมออกแบบได้เน้นการออกแบบให้เห็นถึงความทรงพลังของเครื่องยนต์ ด้านหน้ารถมีความดุดันเหมาะกับปีกหลังที่ติดตั้งมากับฝากระโปรงหลังรถด้วยเช่นกัน โดยทั้ง 2 ชิ้นทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ฝากระโปรงของเครื่องยนต์มาพร้อมกับที่ระบายอากาศ 2 ตัวเพื่อทำการดักอากาศให้เข้ามาระบายความร้อนของระบบขับเคลื่อนสำหรับการเร่งเครื่องซ้ำ ดังนั้นที่รูปลักษณ์และสัดส่วนของรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3
(Continental GT3) คันนี้เน้นในเรื่องของการออกแบบตามฟังก์ชั่นการทำงานนั่นเอง (Form follows function)
การใช้คาร์บอนไฟเบอร์แบบเงาจะตัดกับสีขาว Glacier White ของรถทั้ง 300 คันได้เป็นอย่างดี ความโดดเด่นของรถแข่งคอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) เพิ่มเติมโดยการใช้เส้นสายของสีเขียวทูโทนให้เป็นลายของรถทางด้านข้างเริ่มจากด้านหลังของล้อหน้าเรื่อยไปจนถึงด้านหลังอีกด้วย
เพื่อให้คอนติเนนทัล จีที3 (Continental GT3) สะท้อนและให้สัมผัสถึงความโดดเด่นมากขึ้น แผงโครงไฟหน้า ตะแกรงเมทริกซ์ ขอบกระจกและเส้นของกันชนออกมาในรูปแบบสีดำเงา
รูปลักษณ์ของคอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) ถูกเสริมด้วยล้อน้ำหนักเบาขนาด 21 นิ้วใหม่ล่าสุด ทำจากล้ออัลลอยด์คุณภาพสูงเพื่อความแข็งแกร่งและพ่นสีดำเงาเพื่อความดุดัน
คอนติเนนทัล จีที3-อาร์ (Continental GT3-R) พร้อมให้ท่านจับจองได้แล้ววันนี้และพร้อมส่งมอบในช่วงปลายปี 2014
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit