ผู้ผลิตเครื่องจักรกลและอุปกรณ์เพื่อการอุตสาหกรรมเผยระบบ ERP ที่มีความยืดหยุ่นสูงจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและการประสานงานในองค์กร

21 Jan 2014
รายงานวิจัยที่ได้รับการสนับสนุนโดยเอปิคอร์ชี้ว่าผู้ประกอบการสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับลูกค้าผ่านทางระบบ ERP ที่ทันสมัย
ผู้ผลิตเครื่องจักรกลและอุปกรณ์เพื่อการอุตสาหกรรมเผยระบบ ERP ที่มีความยืดหยุ่นสูงจะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและการประสานงานในองค์กร

เอปิคอร์ ซอฟต์แวร์ คอร์ปอเรชั่น ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชั่นซอฟต์แวร์สำหรับภาคธุรกิจ ทั้งในภาคการผลิต จัดจำหน่าย ค้าปลีก และบริการ ได้ให้การสนับสนุนแก่โครงการสำรวจและวิจัยในภาคอุตสาหกรรม โดยได้ข้อสรุปว่า ภายในระยะเวลาสามปีข้างหน้า องค์กรชั้นนำในกลุ่มผู้ผลิตเครื่องจักรกลและอุปกรณ์เพื่อการอุตสาหกรรม (Industrial Machinery and Equipment – IME) มีแนวโน้มที่จะให้ความสนใจในระบบเพื่อการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning – ERP) ที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถรองรับการประสานงานได้ดีขึ้น ให้ข้อมูลได้อย่างแม่นยำและทันเวลา จนสามารถยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าได้ในที่สุด

อุตสาหกรรมการผลิต IME ถือเป็นตลาดที่มุ่งเน้นการเสนอผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะทางของลูกค้าแต่ละรายอย่างสมบูรณ์แบบ และในปัจจุบัน การสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าก็ได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโตต่อไปข้างหน้า และสร้างผลกำไรให้งอกงามกว่าเดิม ทั้งนี้ รายงานวิจัย IDC Manufacturing Insights ฉบับใหม่ล่าสุดก็ได้กล่าวถึงเป้าหมายหลักสามประการ ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ประกอบการในธุรกิจ IME สามารถเติบโตและสร้างความโดดเด่นให้กับแบรนด์ได้ ได้แก่ การขยายธุรกิจเข้าสู่ตลาดที่กำลังเติบโต การเสนอขายบริการที่เพิ่มมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ และการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า

“สภาพเศรษฐกิจที่ขาดเสถียรภาพในปัจจุบันทำให้แม้แต่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจหลายประเทศต้องเผชิญกับปัญหาต่างๆ มากมาย จนเป็นผลให้กลุ่มลูกค้าในอุตสาหกรรม IME เลือกที่จะถอยออกมารอดูสถานการณ์และลดทอนการลงทุนลง” ปิเอร์ฟรานเชสโก้ มาเนนติ หัวหน้าทีมวิจัยของ IDC Manufacturing Insights ประจำภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าว “ส่วนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม IME ก็ตระหนักว่าการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้แก่ลูกค้าแต่ละราย เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของธุรกิจของพวกเขา และยังถือว่าเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่จะหลีกเลี่ยงสถานการณ์ทางตันที่อาจเกิดขึ้นจากปัญหาเศรษฐกิจและการสูญเสียความมั่นใจของลูกค้าไป”

มร. มาเนนติ เผยว่าผู้ประกอบการในธุรกิจ IME ในปัจจุบันได้เบนความสนใจจากการพัฒนาผลิตภัณฑ์มายังการสร้างสรรค์บริการที่มีคุณภาพ “ผลสำรวจของเราแสดงให้เห็นว่ากว่าร้อยละ 42.9 ของผู้ประกอบการในธุรกิจนี้เชื่อว่าการมอบบริการที่เพิ่มมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์ของตนนั้น เป็นปัจจัยสำคัญอันดับที่หนึ่งในการสร้างยอดขายต่อไปในอนาคต”

สำหรับในประเทศไทยนั้น เอปิคอร์มีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะนำเสนอโซลูชั่นซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจในภาคการผลิต อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนรถยนต์ เสื้อผ้า ยา และอื่นๆ โดยประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในสองตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเอปิคอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และภาคอุตสาหกรรมการผลิตของไทยก็เป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุดของบริษัทอีกด้วย ปัจจุบัน เอปิคอร์มีลูกค้าในประเทศไทยกว่า 100 ราย

มุมมองจากผู้ประกอบการ IME

เนื่องจากความต้องการของลูกค้าแต่ละรายนั้น ล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดที่แตกต่างกันไป ผู้ผลิตเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมจึงต้องให้ความสำคัญกับการบริการเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในช่วงการเสนอขายให้กับลูกค้าใหม่หรือการให้บริการหลังการขายก็ตาม โดย กัททริดจ์ ลิมิเต็ด ผู้ผลิตเครื่องจักรกลหนักเพื่อการขนส่งสินค้าจากสหราชอาณาจักร และหนึ่งในลูกค้าของเอปิคอร์ ก็มีมุมมองนี้เช่นเดียวกัน ในฐานะผู้ออกแบบและผลิตอุปกรณ์ประเภทสายพานลำเลียงสินค้าแบบต่างๆ ลิฟท์ขนสินค้า ระบบจัดเก็บและขนส่งสินค้าในกระสอบ วาล์ว และอื่นๆ อีกมากมาย

“รายงานของ IDC ถือว่าเป็นสัญญาณเตือนที่สำคัญและทันท่วงทีสำหรับผู้ผลิตเครื่องจักรกล IME” มร. ทิม เบอร์รีแมน ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศของกัททริดจ์ กล่าว “ธุรกิจของเรามีรากฐานอยู่บนการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการระดับคุณภาพที่ลูกค้าจะต้องประทับใจและกลับมาสั่งซื้ออยู่เป็นประจำ ถึงสินค้าของเราจะไม่ได้มีราคาถูกที่สุดในตลาด แต่เราก็สามารถดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ได้โดยการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าทุกคน และยกระดับคุณภาพของเราให้สูงกว่าของคู่แข่ง ประสบการณ์ที่ผ่านมาของเราได้เผยให้เห็นว่าลูกค้าในยุคนี้ ต้องการมากกว่าแค่สินค้าราคาถูก และเราก็มองว่าเทคโนโลยีได้กลายเป็นหนึ่งในหลายๆ ปัจจัยหลักที่ช่วยให้เราเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน และเสริมศักยภาพให้บริษัทสามารถแข่งขันในมิติอื่นๆ นอกเหนือจากด้านราคาได้”

ประเด็นสำคัญจากผลสำรวจ

  • ผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจ IME ส่วนใหญ่มองว่าระบบ ERP แบบมาตรฐานนั้น ไม่สามารถรองรับความต้องการในด้านการเข้าถึงข้อมูลอย่างรวดเร็ว หรือการเสริมประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างฝ่ายต่างๆ ในองค์กรได้
  • ราวร้อยละ 40 ของผู้ประกอบการที่เข้าร่วมการสำรวจมองว่าระบบ ERP เป็นพื้นฐานสำคัญในการเชื่อมระบบงานภายในองค์กรและฝ่ายประสานงานกับลูกค้าเข้าด้วยกัน ทั้งยังช่วยให้การติดต่อสื่อสารกับซัพพลายเออร์และลูกค้าดำเนินไปได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบายอีกด้วย
  • ร้อยละ 85 ขององค์กรขนาดใหญ่ในอุตสาหกรรม IME ที่มีพนักงานมากกว่า 5,000 คนขึ้นไป เชื่อว่าระบบ ERP ของตนเป็นรากฐานสำคัญในการมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้า
  • ผู้ประกอบการในธุรกิจ IME ต่างก็ได้ตระหนักแล้วว่าการยกระดับคุณภาพประสบการณ์ของลูกค้าจะต้องเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญขององค์กร และการทำงานร่วมกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดก็เป็นวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้องค์กรสามารถเติบโตต่อไปข้างหน้าได้ และไม่ต้องเผชิญกับทางตันจากสภาพเศรษฐกิจและการสูญเสียความจงรักภักดีของลูกค้าไป
  • ภายในระยะเวลาสามปีข้างหน้านี้ บริษัทชั้นนำในตลาด IME จะเฟ้นหาระบบ ERP ที่มีความยืดหยุ่นสูง และสามารถผนึกรวมเข้ากับงานด้านที่ต้องตอบโต้กับลูกค้าโดยตรงได้ดี เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว และเกิดการประสานงานที่ราบรื่นยิ่งขึ้น

“งานวิจัยชิ้นนี้เต็มไปด้วยคำแนะนำอันเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ผลิตเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม” มร. จอห์น ฮิราโอกะ รองประธานบริหารและรองประธานฝ่ายการตลาดของเอปิคอร์ กล่าว “ระบบ ERP จะทำให้ผู้ผลิตเหล่านี้สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าล่าสุดได้ทั้งทางอุปกรณ์พกพาและผ่านระบบคลาวด์ จนทำให้การประสานงานภายในองค์กรมีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีการรับรู้ข้อมูลอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น และลดความซับซ้อนในกระบวนการทางธุรกิจลง เราเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าระบบ ERP สมัยใหม่จะเติมเต็มความต้องการในประเด็นเร่งด่วนของธุรกิจ IME ได้เป็นอย่างดี และจะมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์ประสบการณ์อันน่าประทับใจให้แก่ลูกค้า ในยุคที่ผู้ประกอบการทุกรายต้องเผชิญกับแรงกดดันจากความต้องการของตลาดโลกที่มากขึ้น และความสนใจในบริการที่เพิ่มมูลค่าให้แก่สินค้าแต่ละชิ้น ทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การสร้างฐานลูกค้าที่มีความจงรักภักดีสูง และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกับซัพพลายเออร์และฝ่ายจัดซื้อ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาข้อได้เปรียบในการแข่งขัน”

เกี่ยวกับ เอปิคอร์ ซอฟต์แวร์ คอร์ปอเรชั่น

เอปิคอร์ ซอฟต์แวร์ คอร์ปอเรชั่น เป็นผู้นำระดับโลกในการนำเสนอโซลูชั่นส์ซอฟต์แวร์ สำหรับอุตสาหกรรมการผลิต จัดจำหน่าย ค้าปลีกและการบริการ ด้วยประสบการณ์กว่า 40 ปีในการตอบสนององค์กรทั้งขนาดเล็ก กลางและใหญ่ เอปิคอร์ มีลูกค้ามากกว่า 20,000 รายในกว่า 150 ประเทศ เอปิคอร์นำเสนอระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (Enterprise resource planning : ERP) ซอฟต์แวร์การจัดการค้าปลีก การจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain management : SCM) และการจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human capital management : HCM) เพื่อให้องค์กรธุรกิจสามารถปรับปรุงผลกำไรและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ เอปิคอร์มีการคิดค้นนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เปี่ยมด้วยความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ ตอบสนองความต้องการของธุรกิจในระดับโลก ระดับภูมิภาคและระดับประเทศด้วยการบริการจากแหล่งเดียว สำนักงานใหญ่ของ เอปิคอร์ ตั้งอยู่ในเมืองดับลิน รัฐแคลิฟอร์เนีย และมีสาขาอยู่ทั่วโลก สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เข้าชมได้ที่ www.epicor.com

ติดตามข่าวสารล่าสุดจากเอปิคอร์ได้ทางทวิตเตอร์ ที่ @Epicor, @EpicorUK, @EpicorEMEA, @EpicorANZ, @EpicorLAC, @Epicor_Retail, @Epicor_DIST, @EpicorPrcsMFG และทางเฟซบุ๊ค

ฝากข่าวประชาสัมพันธ์?

ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit