เริ่มต้นด้วย คณะผู้บริหารไทยเบฟ ได้แก่ คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คุณวิเชฐ ตันติวานิช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ คุณธารทิพย์ ศิรินุพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักประสานงานภายนอก คุณสุรพล อุทินทุ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยเบฟเวอเรจมาร์เก็ตติ้ง จำกัด คุณนิติกร กรัยวิเชียร ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม และคุณประโภชฌ์ สภาวสุ รองผู้อำนวยการสำนักประสานงานภายนอกได้เข้ากราบนมัสการท่านพระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) เจ้าอาวาสวัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อรับฟังแนวความคิดในการพัฒนาพัฒนาย่านกะดีจีน อย่างยั่งยืน โดยมีวัดเป็นศูนย์กลาง ซึ่งท่านพระพรหมบัณฑิต
ได้ให้แนวทางในการพัฒนาว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสร้างการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน โดยสร้างความเข้าใจในรากเหง้าประวัติความเป็นมาของชุมชน รวมทั้งเข้าใจที่มาของสมาชิกในชุมชนที่มีความหลากหลายทางด้าน เชื้อชาติ และศาสนา เพื่อให้การอยู่ด้วยกันเป็นไปอย่างผสมกลมกลืน ในขณะเดียวกันก็ไม่ปิดกั้นสิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามา ชุมชนที่เข้มแข็งจะสามารถผสมผสานสิ่งเดิมกับสิ่งใหม่เข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว เช่นเดียวกับพระบรมธาตุมหาเจดีย์และพิพิทธภัณฑ์พระประยูรภัณฑาคาร ภายในวัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร ที่ได้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับปรุงบูรณะ โดยคงไว้ซึ่งภูมิปัญญาทางสถาปัตยกรรมดั้งเดิมสมัยอยุธยา จนได้รับรางวัลอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมระดับภูมิภาคปี 2556 จากองค์การยูเนสโก”
จากนั้น คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ได้นำคณะผู้บริหารและพนักงาน ไปร่วมปรับปรุงภูมิทัศน์ ณ ตรอกถาน ชุมชนวัดประยูรวงศ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในชุมชนย่านกะดีจีน ภายใต้โครงการ “ฝันใหญ่ในซอยเล็ก ครั้งที่ 2” โดยการเพนท์กำแพงชุมชน ซึ่งเลือกใช้ภาพที่บ่งบอกสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชน ได้แก่ รูปหมูออมสินสีแดง เป็นสินค้าภูมิปัญญาชาวบ้านที่ผลิตขายในชุมชนมาเป็นเวลานาน ก่อนที่คณะผู้บริหารจะไปเข้าร่วมประชุมและเสนอแนะแนวทางการพัฒนาร่วมกับสมาชิกในชุมชน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
โดยคุณฐาปน สิริวัฒนภักดี กล่าวว่า “การที่ไทยเบฟเข้ามามีส่วนร่วมพัฒนาชุมชนย่านกะดีจีน เกิดจากความตั้งใจแรกเริ่มของ คุณเจริญ และคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ที่ได้เคยถวายงานสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี และมีความผูกพันกับพื้นที่นี้เป็นอย่างดี จึงตั้งใจที่จะนำเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่บอกเล่ามารุ่นต่อรุ่น มาสานต่อและอนุรักษ์ไว้ ในฐานะภาคเอกชนที่มองในมุมของธุรกิจ พื้นที่นี้สามารถพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตคึกคักมากขึ้นได้ โดยจะต้องหาจุดเด่นเอกลักษณ์หรือจุดขายของพื้นที่ให้ได้ก่อน ซึ่งจะต้องมีกระบวนการบริหารจัดการที่ดี เริ่มต้นจะต้องมีศูนย์กลางของชุมชน เพื่อเก็บข้อมูลและประวัติศาสตร์ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด รวมทั้งเอกลักษณ์ของชุมชนต่างๆ เช่น ขนมฝรั่งกุฎีจีน หรือ หมูกระดาษออมสิน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งใกล้ตัวของชุมชนที่ภาคเอกชนอยากเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาเพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนในระยะยาว
สิ่งที่สำคัญที่สุดในการพัฒนา คือ สมาชิกชุมชน แนวคิด และงบประมาณ ไทยเบฟยินดีที่จะเป็นตัวกลางประสานงานไปยังภาคเอกชนต่างๆ เพื่อให้การสนับสนุน ทั้งนี้ แนวคิดเหล่านั้นต้องเป็นการตกผลึกของคนในชุมชน เพื่อให้เกิดการเริ่มต้นขับเคลื่อน และต่อยอดเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้แก่ชุมชนในระยะยาวต่อไป”
นอกจากนี้ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ยังได้สนับสนุนด้านการศึกษาแก่เยาวชนในพื้นที่ โดย คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี เป็นประธานในการส่งมอบตู้หนังสือ พร้อมหนังสือมูลค่ารวม 100,000 บาท แก่ห้องสมุดอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี โดยมี คุณอุไรวรรณ สมสมัย ผู้จัดการอุทยานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เป็นผู้รับมอบ“กะดีจีน” หรือ “กุฎีจีน” เป็นย่านประวัติศาสตร์ที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานคร มีความแตกต่างทั้งคติ ความเชื่อ ความศรัทธา รวมถึงศาสนา ได้ชื่อว่าเป็นย่าน “3 ศาสนา 4 ความเชื่อ” (พุทธเถรวาท พุทธมหายาน คริสต์ และมุสลิม) ที่มีความใกล้ชิดและเอื้ออาทรต่อกันมาตั้งแต่สมัยกรุงธนบรี จวบจนปัจจุบัน ประกอบด้วยชุมชนเล็กๆ 10 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนวัดกัลยาณ์ ชุมชนกุฎีจีน ชุมชนวัดประยุรวงศ์ ชุมชนบุปผาราม ชุมชนกุฎีขาว ชุมชนโรงคราม ชุมชนสวนสมเด็จย่า ชุมชนตรอกช่างนาค-สะพานขาว ชุมชนท่าดินแดง ชุมชนคลองสานซีกตะวันออก
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit