“หลายฝ่ายอาจมองว่าปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อและยิ่งการออกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะส่งผลให้ต่างชาติวิตกว่า ความรุนแรงจะทวีคูณขึ้น จึงเลือกที่จะชะลอการลงทุน หรือโยกเงินลงทุนออกจากประเทศไทย แต่สำหรับ เฟรเกรนท์นั้นถือว่าได้รับผลในทางตรงกันข้าม เนื่องด้วยปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่อ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าบางรายตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น ยอดขายจากนักลงทุนต่างชาติจึงช่วยพยุงให้ยอดขายโดยรวม ของบริษัทฯ คงที่” นายเจมส์ กล่าว
สำหรับการพัฒนาโครงการของ เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จะเกิดขึ้นภายใต้สมดุลด้านนวัตกรรมการอยู่อาศัย ที่ทันสมัยและสิ่งแวดล้อมเสมอ ทำให้ปัจจุบันคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ “เซอร์เคิล” ได้รับความไว้วางใจ ในด้านคุณภาพจากลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างมาก โดยเฉพาะลูกค้าชาวต่างชาติที่ให้ความสำคัญ อย่างมากกับคอนโดเพื่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากในต่างประเทศได้พัฒนาโครงการในลักษณะนี้มานานแล้ว ขณะที่คอนโดมิเนียมในประเทศไทยยังเป็นช่วงของการเริ่มต้ซึ่งยังหาโครงการคอนโดสีเขียวที่เป็นรูปธรรมได้น้อย “Circle Living Prototype คือ คำตอบที่ได้จากโจทย์ดังกล่าว เป็นคอนโดมิเนียมโครงการแรก ในประเทศไทยที่ใช้โซลาร์เซลล์ผลิตกระแสไฟฟ้าสำหรับใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง ด้วยกำลังการผลิตวันละ 60 กิโลวัตต์ต่อวัน หรือเทียบเท่ากับการเปิดโทรทัศน์พร้อมกัน 1,000 เครื่อง นอกจากนี้ พื้นที่ส่วนกลาง ของโครงการฯ ยังใช้หลอดไฟประหยัดพลังงาน LED ซึ่งใช้ไฟเพียง 10% ที่ใช้ทั่วไป และมีอายุการใช้งานถึง 70,000-100,000 ชั่วโมง มากกว่าหลอดไฟธรรมดาที่มีอายุการใช้งานเพียง 700-1,000 ชั่วโมงเท่านั้น ขณะเดียวกัน โครงการฯ ยังเลือกใช้กระจกดับเบิลกลาสเป็นคอนโดฯ แรกในประเทศไทย ที่สามารถกันเสียง ป้องกันความร้อน และช่วยป้องกัน UV สามารถสร้างไฟฟ้าในแต่ละปีได้ถึง 40 กิโลวัตต์ต่อ 1 ตารางเมตร รวมถึงการใช้เครื่องปรับอากาศระบบ Super Multi Hot Water เพื่อนำความร้อนที่เกิดขึ้นจาก เครื่องปรับอากาศ มาใช้ผลิตน้ำอุ่นให้แก่ลูกบ้านในโครงการซึ่งถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเพราะสามารถช่วย ประหยัดไฟ และสร้างประโยชน์ให้แก่ลูกบ้านได้ในระยะยาว” นายเจมส์ กล่าวสรุป
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit