“กลุ่มเด็กรักษ์บ้านแบบ” เป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นโดยความคิดริเริ่มของเยาวชนในชุมชน นำโดย เมธ-เมธชนัน เชาวน์เลิศเสรี ประธานกลุ่มฯ หนุ่มน้อยวัย 16 ปี เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดสุทธิวราราม เผยว่า “ชุมชนที่ดี ที่น่าอยู่นั้น ช่วยสะท้อนตัวตนของคนในชุมชน กลุ่มเด็กรักษ์บ้านแบบมีสมาชิก 6 คน และในฐานะลูกหลานของชาวชุมชนบ้านแบบ เราไม่สามารถจะปล่อยปละละเลยพื้นที่ลานกิจกรรมสร้างสรรค์ให้เสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา เพราะถ้าไม่มีใครดูแลพื้นที่ ต่อไปเราก็คงจะไม่มีที่พบปะ ที่ออกกำลังกาย หรือแม้แต่ลานกิจกรรมที่สร้างสาระให้กับชีวิตได้”
เมธ เล่าว่า “กิจกรรมแรกที่กำลังจะเริ่มเป็นกิจกรรมการเต้นแอโรบิค เพราะชาวชุมชนบ้านแบบส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ซึ่งไม่ค่อยได้ออกกำลังกายจำเป็นจะต้องเปลี่ยนพฤติกรรม ให้เคยชินกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อลดการเสี่ยงต่อการเป็นโรคภัย โดยพวกเราทำงานร่วมกับประธานชุมชนฯ เพื่อติดต่อสำนัก งานเขตฯ ให้ส่งครูมาเป็นผู้นำในการสอนเต้นแอโรบิค และคาดว่าจะมีการเต้นแอโรบิคกัน 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ในเร็วๆ นี้ วันนี้ลานกิจกรรมสร้างสรรค์มีประโยชน์กับชาวชุมชนฯ ทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่แต่เฉพาะเด็กมาเล่นเครื่องเล่น แต่ผู้ใหญ่ก็มาใช้ประโยชน์เป็นที่นั่งพักผ่อนที่โปร่งโล่ง ไม่ต้องอุดอู้อยู่ในบ้านที่คับแคบ”
“ความฝันของผม อยากให้ทุกคนในชุมชนมารวมกันที่ลานกิจกรรมสร้างสรรค์ คือให้ชาวชุมชนฯ อยู่ใน สภาพแวดล้อมที่ดี ที่น่าอยู่ ให้มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ไม่ใช่ต่างคนต่างอยู่”
ขณะที่ ธัชพรรณ เจียมนิรันดร์ ประธานชุมชนบ้านแบบ เสริมว่า “สมัยก่อนบริเวณลานกิจกรรมสร้างสรรค์ เคยเป็นพื้นที่รกร้าง ขยะถูกทิ้งอย่างเกะกะ แต่ตั้งแต่ “ไฟ ฟ้า” เข้ามาจุดประกายให้ชาวชุมชนฯ ให้รักพื้นที่ สร้างเป็นลานกิจกรรมสร้างสรรค์ ทำให้ทุกคนมีจิตสำนึกในการดูแลพื้นที่ ไม่มีการทิ้งขยะเกะกะ ช่วยกันเป็นหู เป็นตา ช่วยกันดูแล อย่างบ้านของคุณลุงหลิน ที่มีการเพ้นท์อาคารให้สวยงาม ได้มีการทาสีเพิ่มเติม ช่วยให้ลานนี้ดูสวยงามขึ้น รู้สึกว่าชาวชุมชนฯ เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน มีความรักและสามัคคีกันมากขึ้นด้วย”
ความร่วมมือกันครั้งนี้ เป็นตัวอย่างของการใช้พลังและศักยภาพของเยาวชนผสานกับพลังของชุมชน โดยพลังเด็กๆ ไฟ ฟ้าและกลุ่มเด็กรักษ์บ้านแบบ ที่ผนึกเข้าด้วยกัน โดยมีผู้ใหญ่ในชุมชนคอยสนับสนุน ทำให้ในวันนี้ ทุกชีวิตในชุมชนบ้านแบบมีพัฒนาการก้าวย่างไปข้างหน้าครั้งสำคัญอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนยิ่งขึ้น
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit