ดร.เนติธร ประดิษฐ์สาร ผู้อำนวยการฝ่ายองค์กรสัมพันธ์ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด กล่าวว่า บิ๊กซีให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นให้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง เช่น การศึกษา สุขภาพ สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาชุมชน โดยเฉพาะในโอกาสที่ครบ 20 ปีในปีนี้ บิ๊กซีได้จัดโครงการ “20 ปี บิ๊กซี จับมือทำดีเพื่อชุมชน” ร่วมกับกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย และแพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์
กิจกรรมนี้เป็นการส่งมอบโครงการสำหรับชุมชนต่าง ๆ ทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บิ๊กซีได้ส่งมอบ 3 โครงการไปเรียบร้อยแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ได้แก่ โครงการห้องเรียนฟื้นฟูพัฒนาการน้องผู้พิการ จ. นครสวรรค์ โครงการสร้างแทงก์น้ำสะอาดเพื่อน้องที่ อ. หางดง จ.เชียงใหม่ และโครงการสร้างศาลาเอนกประสงค์ ณ ศูนย์อนุรักษ์นกยูงไทย จ.ลำพูน ทั้งนี้ ทุกโครงการดังกล่าว ล้วนส่งเสริมการมีส่วนร่วมของชุมชนตั้งแต่ต้น (Bottom-Up CSR) ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนอย่างแท้จริง และมีความยั่งยืนด้วยการลงพื้นที่พูดคุยกับชุมชนโดยตรง เพื่อได้ทราบความต้องการที่แท้จริงและสร้างความตื่นตัวของชุมชน อาจเป็นการพัฒนาจากสิ่งที่มีอยู่เดิมหรือจะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และสามารถสร้างผลประโยชน์ได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
“โครงการสร้างธนาคารปูม้า เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี” เป็น 1 ใน 6 โครงการที่บิ๊กซีเปิดให้ประชาชนร่วมลงคะแนนผ่านทางเฟซบุ๊ค “สร้างวันใหม่กับบิ๊กซี” ที่ www.facebook.com/bigcsupercenter ระหว่างวันที่ 25 ก.ค.-15 ส.ค. ที่ผ่านมา และคัดจาก 130 โครงการที่สาขาบิ๊กซีทั่วประเทศร่วมกับชุมชนนำเสนอเพื่อรับงบประมาณจากบิ๊กซีไปดำเนินโครงการจนแล้วเสร็จ
นายประทีป ทวยเจริญ นายกเทศมนตรี ตำบลเกาะพงัน กล่าวเสริมว่า โครงการธนาคารปูม้า เกิดจากความร่วมมือของเทศบาลตำบลเกาะพะงัน กับ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ และชาวบ้านบนเกาะพะงัน และเป็นโครงการที่จะอนุรักษ์และเพิ่มจำนวนปูม้าที่เริ่มหายากให้มีปริมาณเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีแนวคิดที่จะร่วมกันพัฒนาจุดนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ของเกาะพะงัน อันจะช่วยสร้างอาชีพและรายได้ของชุมชนอีกด้วย
“ทุกฝ่ายที่ได้ร่วมมือกันในครั้งนี้ ต่างมองว่าโครงการนี้ให้ประโยชน์อย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวของเกาะพะงันแล้ว ยังจะช่วยอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ทางทะเลและแหล่งอาหารที่สำคัญอีกด้วย เนื่องจากทรัพยากรปูในท้องทะเลธรรมชาติบริเวณรอบอำเภอเกาะพะงัน ปัจจุบันมีปริมาณน้อยลง เพราะถูกจับมาบริโภคและการจำหน่ายเกินความสามารถของการขยายพันธุ์ตามธรรมชาติ ชาวประมงส่วนใหญ่มักจับปูที่มีไข่แก่มาบริโภค ซึ่งกระทบต่อระบบนิเวศน์อย่างมาก เพราะแม่ปูม้าสามารถวางไข่ได้ถึง 3 ครั้งจากการผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียว โดยในไข่แต่ละครั้งจะมีลูกปูที่อยู่รอดเป็นปูม้าตัวใหญ่ประมาณ 800 ตัว เพราะฉะนั้นแม่ปู 1 ตัว จะสามารถเพิ่มจำนวนปูม้าได้ถึง 2,400 ตัว โดยประมาณ ต่อการผสมพันธุ์เพียงครั้งเดียว ซึ่งลูกปูจำนวน 2,400 ตัว จากแม่ปูไข่เพียง 1 ตัวนี้ จะเติบโตเป็นปูที่มีน้ำหนักประมาณ 4-5 ตัวต่อกิโลกรัม ฉะนั้น ปู 2,400 ตัว ก็จะมีน้ำหนักรวมประมาณ 500 กิโลกรัม ดังนั้น หากมีแม่ปูไข่ 100 ตัว จะทำให้ปูม้าเพิ่มขึ้นถึง 240,000 ตัวเลยทีเดียว”
แนวคิดการจัดตั้งธนาคารปู นอกจากจะเป็นเรื่องการอนุรักษ์ปูม้า ยังมุ่งเน้นเรื่องการสร้างจิตสำนึกและความร่วมมือร่วมใจของชาวประมงในชุมชนอีกด้วย อาทิ การส่งเสริมให้ชาวประมงใช้เครื่องมือในเชิงอนุรักษ์ด้วยการไม่ใช้ลอบที่ตาถี่เกินไป การช่วยกันสอดส่องไม่ให้มีผู้ลักลอบจับสัตว์น้ำแบบผิดกฎหมายบริเวณชายฝั่ง การกำหนดกติกาของการหาประโยชน์ร่วมกันจากทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะแม่ปูม้าที่มีไข่ลากทราย (ไข่นอกกระดอง) ซึ่งตลาดไม่นิยม แต่มักติดมากับลอบของชาวเรือ ทรัพยากรส่วนนี้จึงสูญเปล่าไปแบบไร้ประโยชน์ และกว่าแม่ปูจะถูกปล่อยลงสู่ทะเลก็มักจะตายระหว่างการขนส่ง หมดโอกาสที่จะวางไข่
“บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ได้เข้ามาร่วมสนับสนุนโครงการ “สร้างธนาคารปูม้า เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี” ร่วมกับชุมชน โดยการก่อสร้างโรงเรียนเพื่ออนุบาลลูกปูเป็นโรงเรียนโล่งไม่มีฝากั้น มุงหลังคาด้วยใบจากน้ำ โครงสร้างทำด้วยไม้ขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 10 เมตร นับเป็นพื้นที่ 50 ตารางเมตร และก่อสร้างบ่อคอนกรีตเพื่อฟักไข่ปู ขนาดกว้าง 2 เมตร ยาว 2 เมตร จำนวน 4 บ่อ พร้อมอุปกรณ์ปั๊มลมเติมอากาศ รวมถึงกระชังอนุบาลปูม้า ขนาดกว้าง 10 เมตร ยาว 10 เมตร สูงเฉลี่ย 2.50 เมตร ซึ่งจะก่อสร้างบริเวณชายฝั่งทะเลด้านติดกับปากคลองในวก ที่ทางเทศบาลได้ขุดลอกคลองและตั้งคันดินไว้ ซึ่งบริเวณอ่าวนี้เป็นพื้นที่ที่เหมาะสมในการเพาะพันธุ์ลูกปูและเป็นแหล่งอนุบาลลูกปูทะเลได้เป็นอย่างดี อีกทั้งอยู่ใกล้กับบริเวณที่ชาวประมงอวนปูและประมงชายฝั่งจอดเรือบนพื้นที่ประมาณ 2 ไร่เศษ ซึ่งในอนาคตเทศบาลจะพัฒนาพื้นที่แห่งนี้เป็นสวนสาธารณะเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ” ดร.เนติธร กล่าว
“ชาวบ้านในเกาะพะงันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการส่งมอบโครงการในครั้งนี้ เพราะจะได้ช่วยกันอนุรักษ์และเพิ่มผลผลิตปูม้า สัตว์เศรษฐกิจในท้องถิ่นนี้ให้มีจำนวนมากขึ้น เพียงพอต่อการจับมาใช้ประโยชน์ ตลอดจนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เพื่อให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวศึกษาหาความรู้ เป็นการส่งเสริมอาชีพและดูแลรักษาแหล่งอาหารของชาวท้องถิ่นอำเภอเกาะพะงันได้อย่างยั่งยืน” นายประทีป กล่าวสรุป
ติดตามความเคลื่อนไหวของโครงการ “20 ปี บิ๊กซีจับมือทำดีเพื่อชุมชน” ได้ที่ www.facebook.com/bigcsupercenter”
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit