สาระ ล่ำซำ เป็นผู้บริหารบริษัทประกันชีวิตรายแรกที่ได้รับรางวัล นักการเงินแห่งปี ในรอบ 31 ปี ตั้งแต่ การเงินธนาคาร ริเริ่มรางวัลเกียรติยศ “นายธนาคารแห่งปี” มาตั้งแต่ปี 2525 และต่อมาได้เปลี่ยนเป็นรางวัล “นักการเงินแห่งปี” ต่อเนื่องติดต่อกันมาถึง 31 ปี เพื่อยกย่องนักการเงินที่มีความโดดเด่นในแวดวงการเงินการธนาคารตลอดมา ด้วยการกลั่นกรองและพิจารณาอย่างเข้มข้นของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ จากการติดตามผลงานและการพัฒนาที่เกิดขึ้นในวงการธนาคารและการเงิน โดยยึดหลักเกณฑ์การพิจารณานักการเงินแห่งปี ใน 4 ด้านที่ การเงินธนาคาร กำหนดเป็นหลักเกณฑ์ในการคัดเลือกนักการเงินแห่งปี โดย สาระ มีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์การคัดเลือก นักการเงินแห่งปี ทั้ง 4 ข้อคือ
1. เป็นนักการเงินที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลและทันสมัย
สาระ กำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนนับตั้งแต่การเข้าทำหน้าที่ผู้บริหารสูงสุดขององค์กร ที่จะเป็นบริษัทประกันชีวิตอันดับ 1 ที่มีความมั่นคง แข็งแกร่ง และเป็นส่วนหนึ่งในการยกระดับคุณภาพชีวิตของทุกกลุ่มลูกค้า จึงได้สร้างสรรค์ นวัตกรรมด้านผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต การบริการ และช่องทางการขายที่หลากหลาย
สาระ ให้ความสำคัญกับการสร้างความรู้ความเข้าเกี่ยวกับการทำประกันชีวิตให้กับประชาชนทั่วไป ผ่านหลายช่องทาง รวมทั้งได้ทำการปรับภาพลักษณ์องค์กร ส่งผลให้มีการยอมรับการประกันชีวิตในวงกว้าง ประชาชนทั่วไปยอมรับและเข้าใจถึงผลประโยชน์จากการทำประกันชีวิตมากขึ้น อีกทั้งยังมีผลให้การประกันชีวิตกลายเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนชีวิตของประชาชน ซึ่งไม่เพียงทำให้ทั้งธุรกิจประกันชีวิตและบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต เติบโตขึ้นเท่านั้น แต่ได้สร้างความยั่งยืนให้กับบริษัทอีกด้วย
2. เป็นนักการเงินมืออาชีพ ที่มีความซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ
สาระได้นำมาตรฐานการดำเนินธุรกิจในระดับสากลจากพันธมิตร มาปรับปรุงเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับรูปแบบการทำธุรกิจของบริษัท ที่สามารถตอบสนองความต้องการของคนไทยได้อย่างเต็มที่ เพราะพัฒนาการให้บริการแก่ผู้เอาประกันให้มีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้น พร้อมกับการพัฒนาผลัตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายทั้งการคุ้มครอง การออมเงิน และการลงทุน ส่งผลให้ประกันชีวิตเป็นเครื่องมือในการจัดการชีวิตของคนไทยได้อย่างดี และสามารถวิกฤติเศรษฐกิจการเงินได้ด้วยดี จึงถือเป็นความสำเร็จของการทำธุรกิจของบริษัทไทยภายใต้มาตรฐานสากลอย่างแท้จริง
ในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมประกันชีวิต สาระยังมีบทบาทที่โดดเด่นคือ การผลักดันให้เพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษีของผู้ทำประกันชีวิต ที่นำเบี้ยประกันชีวิตไปลดหย่อนภาษีเพิ่มจากเดิม 50,000 บาท เป็น 100,000 บาท รวมถึงร่วมผลักดันให้เกิดแบบประกันบำนาญที่ใช้ลดหย่อนภาษีได้ เพื่อให้สามารถนำเบี้ยประกันชีวิตไปใช้ในการลดหย่อนภาษีได้ 200,000 บาท เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนหันมาสนใจการออมผ่านประกันชีวิตมากขึ้น
3. เป็นนักการเงินที่สร้างความเจริญเติบโตให้กับองค์กร
เมืองไทยประกันชีวิต มีการเติบโตที่สูงขึ้นและสามารถก้าวจากอันดับที่ 8 ขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 ของธุรกิจประกันชีวิตได้สำเร็จ และสู่บริษัทที่มีเบี้ยประกันชีวิตปีแรกสูงเป็นอันดับ 1 ในปี 2556 จากการที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับประชาชนในทุกไลฟ์สไตล์ และบริการได้ครบทุกช่องทาง และในรอบ 5 ปี ที่ผ่านมา 2551-2555 บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 30% และผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556 เป็นบริษัทประกันชีวิตที่มีเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่สูงสุด อันดับที่ 1 จำนวน 20,873.74 ล้านบาท มีสัดส่วนการตลาด18.71%
ณ สิ้นเดือนกันยายน 2556 เมืองไทยประกันชีวิต มีเงินกองทุนจำนวน 54,754.93 ล้านบาท มีเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย 11,912.87 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย สูงถึง 460% ซึ่งสูงกว่า 140% เกณฑ์ขั้นต่ำตามที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กำหนดไว้
4. เป็นนักการเงินที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวม
สาระมีนโยบายหลักในการดำเนินงานอีกด้าน คือให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อตอบแทนแก่สังคมไทย เพราะตระหนักถึงความสำคัญด้านความเป็นอยู่ของประชาชนระดับฐานราก ด้วยให้ความรู้และส่งเสริมการประกอบอาชีพเพื่อหารายได้พิเศษ นอกเหนือจากรายได้ประจำเพื่อเป็นการยกระดับรายได้ เพื่อให้คนในชุมชนสามารถยืนได้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะก่อให้ความยั่งยืนทางสังคม รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือเมื่อต้องกับประสบภัยพิบัติต่างๆ ด้วย
สาระ สนับสนุนให้พนักงานเมืองไทยประกันชีวิตทำกิจกรรมเพื่อสังคมจำนวนมากในหลายด้านอย่างต่อเนื่อง จึงส่งผลให้ โครงการ “ค่ายเมืองไทยประกันชีวิตอาสาพัฒนาชุมชน” ได้รับรางวัลที่ 1 จาก Asia Insurance Awards สาขา Corporate Social Responsibility (CSR) ซึ่งถือเป็นรางวัลสุดยอดระดับเอเชีย แสดงถึงศักยภาพที่บริษัทได้จัดกิจกรรมเพื่อตอบแทนสังคมอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนมาโดยตลอด
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit