ฟิทช์ประกาศคงอันดับเครดิตของธนาคารและสถาบันการเงินไทยที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ 5 แห่ง

26 Mar 2014
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศไทยที่เป็นบริษัทลูก (subsidiary) ของธนาคารต่างประเทศ 5 แห่ง โดยธนาคารยูโอบี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ UOBT ธนาคาร ไอซีบีซี (ไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ICBCT และ บริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) จำกัด หรือ ICBCTL ได้รับการคงอันดับเครดิตที่ ‘AAA(tha)’ ในขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MBKET ได้รับการคงอันดับเครดิตที่ ‘AA(tha)’ และธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT ได้รับการคงอันดับเครดิตที่ ‘AA-(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารและสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่ง มีเสถียรภาพ ยกเว้น MBKET ที่มีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ

พร้อมกันนี้ ฟิทช์ ยังประกาศคงอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (Long-Term Foreign Currency Issuer Default Rating (IDR)) ของ UOBT และ CIMBT ที่ ‘A-’ และ ‘BBB’ ตามลำดับ รายละเอียดอันดับเครดิตทั้งหมดได้แสดงไว้ในส่วนท้าย

ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต

อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT, ICBCT, MBKET, และ CIMBT รวมทั้งอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตสนับสนุนของ UOBT และ CIMBT สะท้อนถึงมุมมองของฟิทช์ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ธนาคารและสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่งจะได้รับการสนับสนุนเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากในการดำเนินงานปรกติ (extraordinary support) จากธนาคารแม่ของธนาคารและสถาบันการเงินแต่ละแห่ง คือ United Overseas Bank Limited หรือ UOB (‘AA-’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) Industrial and Commercial Bank of China หรือ ICBC (‘A’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) Malayan Banking Berhad หรือ Maybank (‘A-’/แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบและ CIMB Bank Berhad หรือ CIMB ฟิทช์มองว่าธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศไทยทั้ง 4 แห่ง เป็นบริษัทลูกที่มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ต่อธนาคารแม่ เนื่องจากมีการเชื่อมโยงการดำเนินงานอย่างสอดคล้องกันกับกลุ่ม (integration) ในระดับสูง การสนับสนุนทางการเงินที่ผ่านมาในอดีต และการถือหุ้นเกือบทั้งหมดจากธนาคารแม่

อันดับเครดิตภายในประเทศของ ICBCTL สะท้อนถึงบทบาทของ ICBCTL ในการเป็นบริษัทลูกหลัก (core subsidiary) ของ ICBCT โดย ICBCTL มีบทบาทสำคัญต่อกลยุทธ์ของธนาคารในด้านธุรกิจสินเชื่อรายย่อย อีกทั้ง ICBCTL ยังมีสัดส่วนรายได้และขนาดสินทรัพย์ที่ใหญ่เมื่อเทียบกับธนาคารแม่ โดยสินเชื่อของ ICBCTL มีสัดส่วนเป็น 38% ของสินเชื่อรวมของ ICBCT ณ สิ้นปี 2556

แนวโน้มอันดับเครดิตของ UOBT, ICBCT, ICBCTL, และ MBKET สอดคล้องกับแนวโน้มอันดับเครดิตของธนาคารแม่แต่ละแห่ง ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพของ CIMBT สะท้อนถึงความคาดหมายของฟิทช์ที่เชื่อว่าความสามารถและโอกาสที่ธนาคารแม่จะให้การสนับสนุนพิเศษที่นอกเหนือจากในการดำเนินงานปรกติแก่ CIMBT ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงในอีก 1-2 ปีข้างหน้า

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน (Viability Rating) ของ UOBT ที่ระดับ ‘bb+’ สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจในประเทศที่จำกัด แม้จะมีการปรับตัวดีขึ้นบ้างแล้ว รวมทั้งโครงสร้างเงินกู้ยืม (funding) และความสามารถในการทำกำไรที่ยังไม่แข็งแกร่งนักเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ไทยรายอื่นที่มีอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินที่สูงกว่า อันดับเครดิตยังได้พิจารณาถึงการที่ UOBT มีรากฐานการบริหารความเสี่ยงที่ดี ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก UOB และการมีฐานะเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ CIMBT ที่ ‘bb-’ สะท้อนถึงเครือข่ายธุรกิจที่จำกัด รวมทั้งคุณภาพสินทรัพย์และฐานะเงินกองทุนที่อ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศและต่างประเทศ ในขณะที่อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญได้มีการปรับตัวดีขี้นบ้าง ฟิทช์คาดว่าความแข็งแกร่งทางการเงินโดยรวมของ CIMBT น่าจะยังคงอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับธนาคารพาณิชย์อื่นที่มีอันดับเครดิตใกล้เคียงกัน

อันดับเครดิตตราสารหนี้ด้อยสิทธิสกุลเงินบาทที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (Upper Tier 2) ของ CIMBT ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ CIMBT อยู่ 2 อันดับ เนื่องจากตราสารดังกล่าวเป็นตราสารด้อยสิทธิและมีคุณสมบัติให้ธนาคารสามารถเลื่อนการชำระดอกเบี้ยได้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (lower Tier 2) อยู่ต่ำกว่าอันดับเครดิตของธนาคาร 1 อันดับ ซึ่งสะท้อนการที่หุ้นกู้ดังกล่าวมีลักษณะด้อยสิทธิในโครงสร้างเงินทุน (capital structure) และสอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตตราสารประเภทดังกล่าว

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับเครดิตภายในประเทศ อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศ และอันดับเครดิตสนับสนุน

การเปลี่ยนแปลงในทางลบของอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ UOB, ICBC, และ Maybank อาจส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตของบริษัทลูก การเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในความสามารถ และ/หรือ ระดับการสนับสนุนของธนาคารแม่ที่มีต่อบริษัทลูก อาจส่งผลกระทบต่ออันดับเครดิตของบริษัทลูก ตัวอย่างเช่น การลดลงอย่างมีนัยสำคัญของสัดส่วนการถือหุ้นของธนาคารแม่ในบริษัทลูก อาจส่งผลลบต่ออันดับเครดิตของบริษัทลูก

การปรับตัวดีขี้นอย่างมีนัยสำคัญของความแข็งแกร่งทางการเงินโดยรวมของ CIMB อาจส่งผลให้อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศและอันดับเครดิตภายในประเทศของ CIMBT ได้รับการปรับเพิ่ม ในทางกลับกันการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญอาจส่งผลให้อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับลดอันดับ

เนื่องจากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT ถูกจำกัดโดยเพดานอันดับเครดิต (Country Ceiling) ของประเทศไทยที่ ‘A-’ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของเพดานอันดับเครดิตของประเทศไทย จะส่งผลกระทบในทิศทางเดียวกันต่ออันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวของ UOBT

อันดับเครดิตภายในประเทศของ UOBT, ICBCT, และ ICBCTL เป็นอันดับเครดิตที่อยู่ในระดับสูงสุด จึงไม่มีปัจจัยใดที่อาจทำให้อันดับเครดิตได้รับการปรับเพิ่ม การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency IDR) ของประเทศไทย โดยที่อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศของ ICBC ยังคงอยู่ในระดับเดิม อาจทำให้อันดับเครดิตในประเทศของ ICBCT และ ICBCTL ถูกปรับลดอันดับ

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต – อันดับความแข็งแกร่งทางการเงิน

อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT อาจได้รับการปรับเพิ่มอันดับ หากธนาคารสามารถรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง โดยเป็นการเติบโตอย่างระมัดระวังโดยไม่ทำให้ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (risk appetite) เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามโอกาสในการปรับเพิ่มอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินยังมีจำกัดหากธนาคารยังคงมีอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญต่ำกว่าธนาคารพาณิชย์อื่นในต่างประเทศที่มีอันดับเครดิตคล้ายกัน ในขณะเดียวกัน ผลการดำเนินการที่ปรับตัวแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลให้คุณภาพสินทรัพย์และฐานะเงินกองทุนของธนาคารปรับตัวอ่อนแอลง อาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ UOBT

การปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและต่อเนื่องของฐานะการเงินโดยรวมของ CIMBT เทียบกับธนาคารพาณิชย์อื่นในกลุ่มเดียวกัน น่าจะส่งผลกระทบในเชิงบวกต่ออันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร ทั้งนี้การปรับตัวดีขึ้นดังกล่าวอาจสะท้อนได้จากการปรับตัวดีขึ้นของอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญในด้านต่างๆ เช่น คุณภาพสินทรัพย์ สภาพคล่อง และเงินกองทุน อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ CIMBT อาจถูกปรับลดลง หากธนาคารมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวแย่ลงอย่างมาก และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่อ่อนแอลงต่ำกว่าอัตราเฉลี่ยของธนาคารพาณิชย์อื่น แต่อย่างไรก็ตามฟิทช์เชื่อว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น

UOB มีสัดส่วนการถือหุ้นใน UOBT ที่ 99.7% และ CIMB มีสัดส่วนการถือหุ้นใน CIMBT ที่ 93.7% ในขณะที่ ICBC มีสัดส่วนการถือหุ้นใน ICBCT ที่ 97.7% โดย ICBCT ถือหุ้นใน ICBCTL ที่ 99.99% และ กลุ่ม Maybank ถือหุ้น 83.5% ใน MBKET

UOBT เป็นธนาคารพาณิชย์ที่มีขนาดสินทรัพย์รวมใหญ่เป็นอันดับ 8 ของประเทศไทย ณ สิ้นปี 2556 ในขณะที่ CIMBT อยู่ในอันดับที่ 10 และ ICBCT เป็นอันดับที่ 13

รายละเอียดของอันดับเครดิตมีดังต่อไปนี้:

UOBT:

  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘A-’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F2’
  • อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินคงอันดับที่ ‘bb+’
  • อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘1’
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

CIMBT:

  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘BBB’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F3’
  • อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินคงอันดับที่ ‘bb-’
  • อันดับเครดิตสนับสนุนคงอันดับที่ ‘2’
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AA-(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
  • อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
  • อันดับเครดิตตราสารหนี้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 2 (upper Tier 2) คงอันดับที่ ‘A(tha)’
  • อันดับเครดิตภายในประเทศของหุ้นกู้ด้อยสิทธิไม่มีหลักประกัน (lower Tier 2) คงอันดับที่ ‘A+(tha)’

ICBCT:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

ICBCTL:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AAA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ค้ำประกันโดย ICBCT คงอันดับที่ ‘AAA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของหุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน คงอันดับที่ ‘AAA(tha)’

-อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นของโครงการหุ้นกู้ระยะสั้น ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’

MBKET:

  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวคงอันดับที่ ‘AA(tha)’; แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ
  • อันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นคงอันดับที่ ‘F1+(tha)’