ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ ประธานสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ เปิดเผยว่า สมาพันธ์เครือข่ายฯ ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อสร้างความเข้มแข็งในการควบคุมการบริโภคยาสูบเพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชน เมื่อเดือนตุลาคม 2556 ได้จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเพื่อสังคมไทยปลอดบุหรี่ขึ้น เพื่อสรุปการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาและกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานของสมาพันธ์เครือข่ายฯ ในปีนี้ และจากการที่พวกเราหลายองค์กรได้มารวมตัวและจัดตั้งสมาพันธ์เครือข่ายแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556 นั้น ปัจจุบันมีสมาชิกรวมประมาณ 400 องค์กร คณะทำงานซึ่งเป็นแกนนำในเรื่องนี้ได้มีการประชุมร่วมกันมา 4 ครั้ง และได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อให้การทำงานของสมาพันธ์เครือข่ายฯ ได้ดำเนินการไปตามวัตถุประสงค์ในการสนับสนุนและผลักดันนโยบายสาธารณะในการควบคุมการสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นสินค้าที่นำมาซึ่งโรคภัยร้ายแรง และก่อความสูญเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศอย่างมหาศาล เพื่อให้ประเทศไทยสามารถลดการบริโภคยาสูบให้เหลือร้อยละ 15 ในปี 2568 ตามเป้าหมายในการลดปัจจัยเสี่ยงหลักของโรคไม่ติดต่อขององค์การสหประชาชาติที่ประเทศสมาชิกทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยได้มีมติตกลงร่วมกัน
โดยสมาพันธ์เครือข่ายฯ เป็นศูนย์กลางเครือข่ายความร่วมมือในการดำเนินงานควบคุมการสูบบุหรี่ ซึ่งได้รับการตอบรับจากองค์กรต่างๆ เป็นอย่างดี และมีกิจกรรมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างสมาชิกเพื่อผลักดันสังคมในการลดการสูบบุหรี่ และประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับอันตรายและผลเสียของการสูบบุหรี่แก่ประชากรในสังคมไทย รวมทั้งการทำงานและสร้างความร่วมมือกับองค์กรระหว่างประเทศเพื่อการรณรงค์ลดการสูบบุหรี่ พร้อมกันนี้ ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ เลขาธิการสมาพันธ์เครือข่ายฯ ได้เตรียมเปิดตัวเว็บไซต์ www.NATFT.com ในเร็วๆ นี้เพื่อเป็นช่องทางในการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพและอันตรายจาการสูบบุหรี่แก่ประชาชน รวมทั้งเป็นสื่อในการประชาสัมพันธ์กิจกรรมของสมาพันธ์เครือข่ายฯ
“ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยมีแนวโน้มอัตราการสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นทุกปีซึ่งปัจจัยสำคัญ คือ การดำเนินงานตามมาตรการต่างๆ ในการควบคุมยาสูบยังอยู่ในวงจำกัด ทำให้ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอเมื่อเทียบกับมาตรการเชิงรุกของอุตสาหกรรมยาสูบ เพื่อปกป้องและป้องกันสุขภาพของประชาชน สมาพันธ์เครือข่ายฯ จะดำเนินการร่วมกับสมาชิกเครือข่ายในการขับเคลื่อนการควบคุมการสูบบุหรี่และสร้างความเข้มแข็ง และสนับสนุนการดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การควบคุมการบริโภคยาสูบแห่งชาติให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล” ศ.นพ.รณชัย กล่าวในตอนท้าย