ควบคู่ไปกับการเติบโตทางธุรกิจ ลินเด้ จะสานต่อนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมอันเป็นส่วนหนึ่งในแผนธุรกิจปี 2557 ด้วยการดำเนินโครงการที่ช่วยส่งเสริมและสนับสนุนชุมชนแวดล้อมรอบๆโรงงานอย่างต่อเนื่อง
นายคีรินทร์ ชูธรรมสถิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลินเด้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โรงแยกอากาศแห่งใหม่ของลินเด้ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยได้ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วเมื่อปลายปี 2556 ที่ผ่านมาและจะดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มกำลังได้ในปีนี้ โรงงานนี้ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมเหมราชตะวันออก จังหวัดระยอง โดยมีกำลังการผลิตก๊าซเหลวได้ถึง 800 ตันต่อวัน”
“โรงแยกอากาศแห่งใหม่นี้ใช้เงินลงทุนสูงถึง 3,500 ล้านบาท และนับเป็นมูลค่าการลงทุนจำนวนสูงที่สุดของ กลุ่มลินเด้ในประเทศไทยนับตั้งแต่เราเริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปี 2513”
“ในขณะเดียวกัน เรากำลังจะเปิดโรงผลิตคาร์บอนไดออกไซด์เหลวแห่งใหม่ที่มีกำลังการผลิต 300 ตันต่อวันซึ่งจะพร้อมเดินเครื่องการผลิตในปีนี้เช่นกัน และนับเป็นโรงผลิตคาร์บอนไดออกไซด์เหลวแห่งที่ 4 ของเราในประเทศไทยที่จะเพิ่มกำลังการผลิตคาร์บอนไดออกไซด์อีก 25 เปอร์เซ็นต์ หรือจาก 900 ตันต่อวันเป็น 1, 200 ตันต่อวัน”
“โรงงานใหม่ทั้งสองแห่งนี้จะเพิ่มกำลังการผลิตของเราอย่างมีนัยสำคัญ และเพิ่มความแข็งแกร่งของพันธสัญญาของเราในการที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและการบริการที่เป็นเลิศ ดังนั้น เราจึงตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจในปี 2557 ไว้กว่า 10 เปอร์เซ็นต์ จากความต้องการการใช้ก๊าซอุตสาหกรรม ที่เพิ่มสูงขึ้นของตลาดกลุ่มปิโตรเคมีคอล กลุ่มพลังงาน กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นส่วนสนับสนุนให้เราบรรลุเป้าหมายที่วางไว้”
เทคโนโลยีการประยุกต์ใช้ก๊าซของบริษัทฯ จะมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความต้องการการใช้ผลิตภัณฑ์ก๊าซอุตสาหกรรมและการบริการของเรา ทีมผู้เชี่ยวชาญพิเศษของลินเด้จะช่วยสนับสนุนลูกค้าในการออกแบบเทคนิคการประยุกต์ใช้ก๊าซซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับปรุงกระบวนการผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุนและเพิ่มคุณภาพของผลิตภัณฑ์ของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
นายคีรินทร์ กล่าวถึงเทคโนโลยีการประยุกต์ใช้ก๊าซว่าเป็นเทคโนโลยีที่ครอบคลุมในกระบวนการต่างๆ ที่หลากหลาย ได้แก่ การประยุกต์ใช้ก๊าซในการรักษาอุณหภูมิ การแช่แข็ง การบรรจุหีบห่อ การเก็บรักษาและบรรจุเครื่องดื่ม การหลอมและการปรับปรุงคุณภาพโลหะ การขึ้นรูปโลหะด้วยการตัดและเชื่อม การบำบัดน้ำและปกป้องสิ่งแวดล้อม การสอบเทียบและการทดสอบในห้องทดลอง และการผลิตเคมีภัณฑ์และการผลิตยา เป็นต้น
ตลาดก๊าซอุตสาหกรรมในประเทศไทยมีมูลค่ารวมอยู่ที่ประมาณ 18,000 ล้านบาทต่อปี โดย ลินเด้ประเทศไทยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 40 เปอร์เซ็นต์ และเป็นผู้นำของตลาดก๊าซอุตสาหกรรมในประเทศไทย
ในปี 2556 ลินเด้ประเทศไทยมีรายได้รวม 7,784 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายได้รวมในปี 2555 ที่ 7,755 บาท เล็กน้อย จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปี 2556 ในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งเป็นหนึ่งในลูกค้าหลักของลินเด้มีการเติบโตที่ไม่โดดเด่นมากนัก
กลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่เป็นลูกค้าของลินเด้ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีคอล กลุ่มพลังงาน และกลุ่มโรงพยาบาล โดยในปัจจุบันมีโรงพยาบาลกว่าร้อยละ 60 ในประเทศไทยที่ใช้ก๊าซทางการแพทย์จาก ลินเด้
นโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคม
นายคีรินทร์กล่าวถึงนโยบายด้านความรับผิดชอบต่อสังคมว่าลินเด้จะยังคงมุ่งมั่นส่งเสริมการดูแลสุขภาพ (Healthcare) การศึกษา (Education) การพัฒนาชุมชนท้องถิ่น (Local community development) และการรักษาสิ่งแวดล้อม (Environmental protection) หรือที่เราเรียกนโยบายดังกล่าวโดยย่อว่า HELP
นายคีรินทร์อธิบายว่า “ในปี 2556 เราได้จัดทำแคมเปญภายใต้สโลแกน “We want to HELP in leading efforts to bring about better tomorrow” โดยได้ดำเนินกิจกรรมมากมายภายใต้สโลแกน ดังกล่าว ได้แก่ การจัดการแข่งขันกอล์ฟการกุศลเพื่อนำรายได้โดยไม่หักค่าใช้จ่ายสนับสนุนการ ดำเนินงาน ของมูลนิธิสนับสนุนการผ่าตัดหัวใจเด็ก
เรายังได้จัดโครงการเพื่อพัฒนาทักษะและการศึกษา อาทิ จัดโครงการค่ายภาษาอังกฤษสำหรับนักเรียนระดับประถมศึกษา และยังได้สนับสนุนให้สาขาต่างๆของลินเด้ทั่วประเทศจัดกิจกรรมด้านความรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกับชุมชนท้องถิ่น ในด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม เราได้เข้าร่วมในการทำความสะอาดชายหาดและสนับสนุนการปฏิบัติการการขจัดคราบน้ำมันในเหตุการณ์น้ำมันรั่วที่เกาะเสม็ด จ. ระยองในปี 2556 ลินเด้ได้รับเกียรติบัตร CSR-DIW Network Award อันทรงเกียรติจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมซึ่งเป็นเกียรติบัตรสำหรับโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นสมาชิกเครือข่าย CSR-DIW ที่ได้ร่วมกันดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาชุมชน นอกเหนือจากเกียรติบัตรดังกล่าวแล้ว โรงงานหลักของลินเด้อีก 3 แห่งยังได้รับเกียรติบัตรรับรองการเป็นสถานประกอบการที่มีแนวทางการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์และข้อกำหนดด้านมาตรฐานความรับผิดชอบของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมต่อสังคมที่เข้มงวดของกรมโรงงานอุตสาหกรรมอีกหนึ่งรางวัลในปีที่ผ่านมาได้แก่ รางวัล Prime Minister’s Road Safety Award 2013 ซึ่งเป็นรางวัลสำหรับหน่วยงานที่ดำเนินงานด้านความปลอดภัยบนถนน โดยมอบให้กับองค์กรที่ไม่แสวงผลกำไรเป็นหลัก นับเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่ ลินเด้ ประเทศไทย เป็นหนึ่งในสามองค์กรเอกชนเท่านั้นที่ได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้
ลินเด้ ประเทศไทย ยังได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีไทย-เยอรมัน ในการก่อตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีการตัดเชื่อม ซึ่งจะตั้งอยู่ภายในอาคารของสถาบันฯ และกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนมิถุนายน ปี 2557 โดยลินเด้จะให้การสนับสนุนเครื่องมือและอุปกรณ์อันทันสมัยพร้อมด้วยบุคคลากรผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรม
HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit