GROHE Group (กลุ่มบริษัทโกรเฮ่) ผู้ผลิตสินค้าก๊อกน้ำ ฝักบัว และอุปกรณ์ในห้องน้ำระดับพรีเมี่ยมชั้นนำรายใหญ่ที่สุดของโลก ในวันนี้ได้กล่าวย้ำถึงความมุ่งมั่นเดินหน้าลงทุนในประเทศไทยต่อไป พร้อมกับพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมล่าสุดคุณภาพสูงเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศไทย ในภูมิภาคอาเซียน และทั่วโลก
คุณบิจอย โมฮาน ประธานบริษัท GROHE ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้กล่าวในงานแถลงข่าววันนี้ว่า ประเทศไทยยังคงเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการผลิตของ GROHE Group โดยเฉพาะการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะทำให้ประเทศต่างๆ ในอาเซียนกลายเป็นภูมิภาคที่มีความได้เปรียบทางเศรษฐกิจสูง
คุณโมฮานกล่าวเพิ่มเติมว่า การร่วมเป็นพันธมิตรระหว่าง LIXIL Corporation ที่เพิ่งจะซื้อหุ้นใน GROHE Group กับ GROHE นั้น เป็นการประสานแบรนด์ที่แข็งแกร่งเข้าด้วยกันที่จะก่อให้เกิดเทคโนโลยีนวัตกรรมและคุณภาพระดับสูงสุด ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการเติบโตที่สูงมาก
ในเดือนมกราคม 2557 LIXIL Corporation และ Development Bank of Japan (DBJ) ได้ซื้อหุ้น 87.5% ของ GROHE Group ซึ่งเป็นการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นที่สูงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศเยอรมนี โดยนับว่าเป็นก้าวย่างที่สำคัญของ LIXIL ที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำตลาดโลกในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์เครื่องใช้ในครัวเรือน
“GROHE ยังคงปฏิบัติงานอย่างเป็นอิสระภายใน LIXIL Group” คุณโมฮานชี้แจง โดยเน้นย้ำว่า GROHE จะใช้ประโยชน์จากการร่วมเป็นพันธมิตรในครั้งนี้เพื่อมอบคุณค่าให้แก่ผู้บริโภคในประเทศไทย GROHE จะเสริมข้อดีของการผนึกกำลังกันในครั้งนี้เพื่อดำเนินแผนงานเพื่อการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืนและสร้างผลกำไร ในขณะเดียวกันก็จะเสริมความแข็งแกร่งของเครือข่ายการจัดจำหน่ายและยังคงนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็นนวัตกรรมและมีความล้ำหน้าทางเทคโนโลยีต่อไป
GROHE ยึดมั่นในหลักการผลิตสินค้าคุณภาพระดับสูงจากเยอรมัน มีการออกแบบทางวิศวกรรมศาสตร์และดีไซน์ที่ชนะรางวัลระดับโลก และสร้างความยั่งยืนอย่างมีความรับผิดชอบ แบรนด์ต่างๆ ของ GROHE Group เป็นผู้นำในตลาดโลก เป็นที่รู้จักและไว้วางใจของลูกค้าทั่วทุกมุมโลก เพื่อจุดประสงค์การประสานการทำงานร่วมกันที่ดี ทั้ง LIXIL และ GROHE จะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับผลิตภัณฑ์ของตนเอง และอาศัยเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่กว้างขวางของแต่ละฝ่าย เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องสุขภัณฑ์ทั่วโลก
GROHE Siam (โกรเฮ่สยาม) เป็นโรงงานผลิตของ GROHE ในประเทศไทย ตั้งอยู่ที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง โดยเป็นการร่วมลงทุนระหว่าง GROHE Group และกลุ่มหุ้นส่วนชาวไทย ประเทศไทยเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตของ GROHE Group ที่มีอยู่ 9 แห่งทั่วโลก โรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานผลิตและประกอบครบวงจร โดยผลิตก๊อกน้ำคุณภาพสูงมาตรฐานเยอรมันนีสู่ออกสู่ตลาดทั่วโลก สามารถผลิตได้ประมาณสัปดาห์ละ 115,000 ชิ้น โดยส่วนใหญ่ส่งออกไปยังตลาดในภูมิภาคอาเซียน อินเดีย ยุโรป และอเมริกา
เมื่อปี 2556 ยอดขายของ GROHE Group เติบโตขึ้นในทุกภูมิภาคและในทุกประเภทผลิตภัณฑ์ ยุโรปเป็นภูมิภาคที่สำคัญที่สุดของ GROHE Group โดยมียอดขายคิดเป็น 50% ของยอดขายโดยรวมของบริษัท ภูมิภาคที่ใหญ่เป็นอันดับสองคือเอเชีย โดยมียอดขายคิดเป็น 33% ส่วนตะวันออกกลางและแอฟริกาคิดเป็น 10% โดยมีอัตราการเติบโต 8% ในขณะที่ทวีปอเมริกามียอดขายเพิ่มขึ้น 19% คิดเป็น 7% ของยอดขายโดยรวม
เมื่อสิ้นปีการเงิน 2556 GROHE Group มียอดขายรวมทั้งสิ้น 1.45 พันล้านยูโร (ประมาณหกหมื่นสองพันล้านบาท) โดยที่ 85% ของรายได้ยอดขายมาจากนอกประเทศเยอรมนี
ประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 8 ในเอเชียในแง่ของยอดขายโดยรวมของ GROHE Group โดยมีส่วนแบ่งการตลาดในส่วนของก๊อกน้ำ ระบบฝักบัวและอุปกรณ์ในห้องน้ำระดับพรีเมี่ยมในประเทศไทยประมาณ 35% จากมูลค่าตลาด 8 ร้อยล้านบาทถึง 1 พันล้านบาทโดยประมาณ
ช่องทางการจัดจำหน่ายของ GROHE (ประเทศไทย) แบ่งออกเป็นงานโครงการ(ระดับไฮเอนด์) 42% และร้านค้าจัดจำหน่าย 58% GROHE ได้รับความไว้วางใจจากโรงแรม คอนโดมีเนี่ยม และสถานพยาบาลระดับบนหลากหลาย ทั้งในเครือโรงแรม Marriott International, W Hotel โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ และโครงการต่างๆ มากมายของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ เช่น เมเจอร์ดีเวลลอปเม้นท์และชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ของ GROHE ยังมีจำหน่ายผ่านทางดีลเลอร์กว่า 50 รายทั่วประเทศ รวมถึงโชว์รูมของบุญถาวรซึ่งเป็นดีลเลอร์รายใหญ่อีกด้วย
คุณโดริท กรูเบอร์ รองประธานฝ่ายการตลาดภูมิภาคเอเชียของ GROHE กล่าวเพิ่มเติมว่า ผลิตภัณฑ์ GROHE ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่เป็นเจ้าของได้ง่ายที่สุดภายในกลุ่มตลาดอุปกรณ์ในห้องน้ำ โดยผสานรวมนวัตกรรม หลักการยศาสตร์ และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันเพื่อสรรสร้างผลิตภัณฑ์ที่ให้ทั้งประโยชน์ในการใช้งานและความสวยงามหรูหรา ในปีนี้ GROHE กำลังจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์นวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาด ได้แก่ F-Digital Deluxe (ระบบฝักบัวแบบหน้าจอสัมผัส ที่มอบความรื่นรมย์ผ่อนคลายจากทั้งสายน้ำ ไอน้ำ แสง และเสียง) Minta Touch (ก๊อกน้ำในห้องครัวที่สามารถเปิดปิดได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส) Grandera (ก๊อกน้ำ ฝักบัว และอุปกรณ์ประกอบครบชุดในรูปทรง “สี่เหลี่ยมวงกลม” อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดีไซน์คลาสสิคและงามสง่า) และ Power & Soul (ฝักบัวนวัตกรรมแบบปุ่มกด ที่สามารถเปลี่ยนสายน้ำได้ถึง 11 รูปแบบ)
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit