ประวัติของขนมชูซ์ (Choux)
ตามตำนานแป้งที่นำมาทำขนมนั้นถูกคิดค้นครั้งแรกโดยพ่อครัวฝรั่งเศสนามว่า Panterelli ในปีค.ศ. 1540 ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานขนมที่ศาลของเจ้าหญิงแคเธอรีนเดอเมดิชิ (Catherine de' Medici) เมื่อแคทเธอรีถูกบังคับให้ออกจากฟลอเรนซ์พร้อมกับศาลของเธอพ่อครัวของเธออยากจะทำขนมที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วในขณะที่เดินทาง ทำให้เขาได้คิดค้นโดยการใช้เนยร้อนและแป้งเพื่อให้แป้งของขนมนั้นมีปริมาณน้ำสูง จากนั้นก็ใช้แป้งเพื่อทำขนมเล็กๆ ที่มีชื่อว่า Pâte à Panterelli เมื่อเวลาผ่านไปชื่อของขนมขนาดเล็กเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็น Pâte à Popelin หรือ Popelins และพ่อครัวอื่น ๆ เช่น Avice ได้นำสูตรการทำขนมปังมาใส่ไส้โดยมีทั้งรสชาติหวานและเผ็ด จนวิธีการทำขนมชูซ์ที่แน่นอนนั้น เริ่มเป็นที่แพร่หลายในหนังสือการทำอาหารของโดยพ่อครัวชาวฝรั่งเศส Anotoine Careme ในปี ค.ศ. 1815 นั่นเอง
ขนมชูซ์ เป็นขนมที่สามารถหาทานได้ง่าย และทานได้ตลอดเวลา แต่สำหรับในเมืองไทยนั้น เราอาจคุ้นเคยกันดีกับขนมที่เราเรียกกันติดปากว่า เอแคลร์ (Éclair) แต่ที่จริงแล้ว ขนมเอแคลร์นั้นมีลักษณะเป็นชิ้นยาวๆ เปลือกนอกเป็นลอนหรือคลื่น และขนมทั้งสองนี้ใช้แป้งชนิดเดียวกัน ต่างกันที่รูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น นอกจากนี้จุดเด่นที่ทำให้ขนมทั้งสองชนิดครองใจใครๆหลายคนได้ ก็คือการทำแป้งซึ่งจะต้องให้ความร้อน 2 ครั้ง ครั้งแรกในหม้อบนเตาในการทำแป้ง ส่วนครั้งที่สอง การนำแป้งมาอบเพื่อให้เกิดรูปทรง และเรายังต้องทราบว่าน้ำเป็นตัวทำให้ชูซ์พอง ส่วนไข่เป็นตัวให้รสชาติกับชูซ์ เพราะฉะนั้น 2 อย่างนี้ต้องสมดุลกัน และสุดท้ายการที่ลักษณะของขนมภายในเป็นรูกลวง ทำให้เราสามารถใส่ไส้ต่างๆ ได้ด้วยการเจาะรูเล็กๆที่เปลือกของขนม แล้วบีบไส้ครีมต่างๆ เพิ่มรสชาติความอร่อยไม่น้อย จึงเป็นเหตุผลที่ใครหลายๆคนจะหลงรักขนมของดินแดนเมืองน้ำหอมนี้ได้ไม่ยาก
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม หรือ สำรองที่นั่งได้ที่หมายเลข 02 680 9999
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit