นายสมชาย เจริญอำนวยสุข ผู้อำนวยการสำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กล่าวว่า สถานการณ์สังคมไทยปัจจุบันเต็มไปด้วยปัญหาต่างๆ มากมาย ทั้งปัญหาความแตกแยกในสังคม ปัญหายาเสพติด ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาเด็กและเยาวชน เช่น ปัญหาการติดเกมส์ เด็กและเยาวชนบางคนใช้เวลาอยู่ในร้านเกมส์มากกว่าอยู่โรงเรียนและอยู่บ้าน สิ่งที่ตามมา คือ การสะสมความรุนแรงจากการเล่นเกมส์ที่นำไปสู่การแสดงออก ด้วยความรุนแรงของเด็กและเยาวชน การใช้ความรุนแรงในสถานศึกษาและที่สาธารณะ ปัญหาการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรและนำไปสู่การตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์ที่มีอัตราสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งส่งผลให้เกิดความไม่พร้อมในการเลี้ยงดูบุตร การทำแท้ง การทอดทิ้งเด็ก และการออกจากโรงเรียนกลางคัน นอกจากนี้ สถาบันครอบครัวไทย
ในปัจจุบันมีความเปราะบางมาก อัตราการหย่าร้างของคนไทยสูงขึ้นทุกปีและมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เด็กและผู้สูงอายุถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังเป็นจำนวนมาก รวมทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจการหารายได้ให้พอแก่ค่าใช้จ่าย ทำให้ครอบครัวมีเวลาอยู่ร่วมกันน้อยลง ขาดการสื่อสารระหว่างกัน และขาดสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน สมาชิกในครอบครัว ไม่สามารถแสดงบทบาทหน้าที่ได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทหน้าที่ในการเลี้ยงดูและอบรมสั่งสอนบุตร ซึ่งนำไปสู่ปัญหาสังคมที่มีความซับซ้อนและทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่ทุกหน่วยงานจะต้องร่วมมือในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมให้บรรลุตามกรอบนโยบายรัฐบาลและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศทางด้านสังคมตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ (พ.ศ. ๒๕๕๕ – ๒๕๕๙) เพื่อมุ่งสู่ “สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขด้วยความเสมอภาค เป็นธรรม และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลง”
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า สำนักงานกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ จึงกำหนดจัด “การสัมมนาสานงาน เสริมพลังเครือข่ายสตรีและครอบครัว” ขึ้น เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับเครือข่ายสตรีและครอบครัวให้มีศักยภาพสามารถดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมในชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครือข่ายสตรีและครอบครัวสามารถทำหน้าที่เป็นหน่วยรับแจ้งเหตุ ส่งต่อ ให้คำแนะนำ คำปรึกษาแก่ผู้ประสบปัญหาสังคม ปัญหาความรุนแรงในชุมชน ซึ่งผู้เข้าร่วมการสัมมนาในครั้งนี้ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับแม่ข่าย อปท. ด้านสตรีและครอบครัว ประธานศูนย์พัฒนาครอบครัวในชุมชนหรือผู้แทน ประธานคณะกรรมการพัฒนาสตรีจังหวัด และเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด จำนวนกว่า ๓๕๐ คน
“สำหรับการสัมมนาครั้งนี้ มีเนื้อหาที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทและหน้าที่ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในฐานะที่เป็นกลไกหลักในการนำนโยบายด้านการพัฒนาสตรีและครอบครัวของรัฐบาลไปดำเนินการให้บังเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ การเสริมสร้างความรู้และทักษะที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานด้านการพัฒนาสตรีและครอบครัวในท้องถิ่น การสร้างความตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาชุมชนและสังคมที่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนทุกกลุ่ม อย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน”นายสมชาย กล่าวตอนท้าย.
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit