นางรัตนา กิจวรรณ ผู้ว่าการ กปภ. กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำต่าง ๆ ลดลงอย่างรวดเร็วและในบางพื้นที่ประสบปัญหาน้ำเค็มหนุนสูง ส่งผลให้มีพื้นที่ให้บริการของ กปภ. เกิดปัญหาน้ำประปามีค่าความเค็มสูงขึ้นแต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ยังสามารถใช้อุปโภคบริโภคได้ ซึ่งในขณะนี้เกิดผลกระทบใน 2 จังหวัด ได้แก่ จ.ปทุมธานี (กปภ.สาขาปทุมธานี รังสิต และคลองหลวง) และ จ.ฉะเชิงเทรา (กปภ.สาขาฉะเชิงเทรา บางปะกง และบางคล้า) ทั้งนี้ กปภ. ได้วางมาตรการในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวในเบื้องต้นไว้ 2 แนวทาง คือ การจัดซื้อน้ำดิบจากบริษัทเอกชน เพื่อนำมาผสมกันให้ค่าความเค็มของน้ำดิบเจือจางลง และการคำนวณหาช่วงเวลาที่คาดว่าน้ำดิบจะมีค่าความเค็มในระดับต่ำสุดเพื่อทำการสูบกักเก็บไว้ โดยคำนวณจากหลักน้ำขึ้นน้ำลง นอกจากนี้ ยังได้จัดทีมงานเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
นางรัตนา กิจวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในระยะยาว กปภ.ได้วางแผนจัดทำโครงการวางท่อส่งน้ำดิบจาก กปภ.สาขาใกล้เคียง ที่ไม่ประสบปัญหาภัยแล้งเพื่อส่งน้ำมายังพื้นที่บริการที่ขาดแคลนเพื่อเพิ่มปริมาณน้ำดิบให้มากขึ้นและสามารถผลิตน้ำประปาได้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน อย่างไรก็ตาม ในปีนี้คาดว่าจะเกิดผลกระทบภัยแล้งในหลายพื้นที่ ซึ่ง กปภ. ได้เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดและต้องขอความร่วมมือประชาชนในทุกพื้นที่ใช้น้ำอย่างประหยัด ตลอดจนจัดเตรียมภาชนะสำรองน้ำไว้ใช้และตรวจสอบระบบท่อประปาภายในบ้านมิให้รั่วไหลด้วย ซึ่งหากประชาชนได้รับความเดือดร้อนในเรื่องความขาดแคลนน้ำประปาเพื่อใช้ในการอุปโภคและบริโภค สามารถแจ้งไปได้ที่การประปาส่วนภูมิภาค 233 สาขาในแต่ละพื้นที่หรือ PWA Call Center 1662
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit