ดร.ปรีชา กันธิยะ
ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่
ตรวจราชการสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกระบี่ พังงา และ
ภูเก็ตว่า บทบาทหน้าที่ของสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดถือเป็นผู้แทนของ
กระทรวงวัฒธรรมในส่วนภูมิภาค และดำเนินงานทั้งในส่วนสำนักงานปลัดกระทรวง และหน่วยงานระดับกรม รวมถึงงานที่ได้รับมอบหมายในส่วนของจังหวัด ซึ่งขณะนี้การดำเนินงานด้านยุทธศาสตร์ แผนปฏิบัติงาน และปฏิทินการดำเนินงานทางวัฒนธรรมถือว่ายังไม่ชัดเจน จึงต้องมีการปรับการบริหารจัดการโดยตัวชี้วัด (KPI) เพื่อให้งานสัมฤทธิ์ผล ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย และแก้ไขปัญหาให้กับสังคม ที่สำคัญจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันและเพิ่มรายได้ของประชาชนให้สูงมากขึ้น ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า พื้นที่ทั้ง 3 จังหวัดมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูง มีนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างประเทศจำนวนมาก ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้น หากดูแลไม่เพียงพอจะส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และรายได้ของประชาชน จากการรายงานสภาวการณ์ทางวัฒนธรรมที่น่าเป็นห่วงในขณะนี้พบว่า จำนวนเด็กและประชาชนเข้าวัดไม่มากเท่าที่ควร อีกทั้งพระสงฆ์ที่อยู่ประจำวัดก็มีน้อย จึงต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมเพื่อให้คนเข้าวัดมากขึ้น ส่วนแหล่งท่องเที่ยวหากเสื่อมโทรมลง นักท่องเที่ยวก็จะไปเที่ยวที่อื่น
“สิ่งที่จะสร้างความน่าสนใจคือการส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรมซึ่งเป็นทุนดั้งเดิมที่มีอยู่แต่เดิม สอดคล้องกับยุทธศาสตร์รากวัฒนธรรม ของดีบ้านฉัน ที่กระทรวงวัฒนธรรมได้กำหนดเป็นยุทธศาสตร์ในการขับเคลื่อนไปทั่วประเทศ เพื่อสืบค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่มีรากเหง้า ความเป็นมา มีการสร้างสรรค์ พัฒนา และสร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชน ในด้านประเพณี ศิลปะการแสดง อาหาร และผ้าทอ รากวัฒนธรรมที่โดดเด่นและน่าสนใจ อาทิ ขมิ้น ของจังหวัดพังงา ที่มีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย ขนมอากู๋ ของจังหวัดภูเก็ต เป็นขนมมงคลที่ทำขึ้นเมื่อครอบครัวมีลูกผู้ชาย และมีความเชื่อว่าจะทำให้มี เกิดความเจริญรุ่งเรือง และบะหมี่ฮกเกี้ยน ที่มีชื่อเสียง มีรสชาติอร่อย เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เป็นต้น” ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าว