ปตท.สผ. และ HITZ ประสบความสำเร็จในการวิจัยเทคโนโลยีเก็บพลังงานหมุนเวียนโดย เปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซมีเทน พร้อมลดโลกร้อน

03 Mar 2014
นายอัษฎากร ลิ้มปิติ รักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานเทคโนโลยีและพัฒนาความยั่งยืน บริษัท ปตท .สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยว่า ปตท.สผ. พร้อมด้วยบริษัทพันธมิตร Hitachi Zosen Corporation (HITZ) และ บริษัท Daiki Ataka Engineering Co., Ltd (DAE) ซึ่งเป็น บริษัทย่อยของ HITZ ประสบความสำเร็จในการวิจัยและพัฒนาการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซมีเทน (องค์ประกอบหลักของก๊าซธรรมชาติ) ซึ่งเป็นการเก็บพลังงานหมุนเวียน และช่วยลดการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ

สำหรับการวิจัยและพัฒนาตลอด 21 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือซี่งได้มีการลงนามไปแล้วตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม 2555 นั้น ได้บรรลุวัตถุประสงค์เรื่องการคัดเลือกสารเคมีที่ใช้ประสานผงเร่งปฏิกิริยา การศึกษาลักษณะของปฏิกิริยา Methanation และการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ที่กำลังการผลิตก๊าซมีเทนเท่ากับ 1,000 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 0.9 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากการทดลองพบว่า อัตราการเปลี่ยนไฮโดรเจนสูงถึง 99% โดยผ่านเครื่องปฏิกรณ์แบบท่อเดี่ยวที่มีขนาดความยาวของท่อน้อยกว่า 5 เมตร ด้วยความเร็วในท่อ (Space velocity) มากกว่า 5,000 ต่อชั่วโมง ที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส ผลการทดลองแสดงให้เห็นว่า ตัวเร่งปฏิกิริยานี้มีประสิทธิภาพที่สูงมากและนับว่าเป็นตัวเร่งปฏิกิริยามีประสิทธิภาพในการทำงานที่ดีที่สุดในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเร่งปฏิกิริยาที่พัฒนาขึ้นนี้ไม่มีส่วนประกอบเป็นธาตุหายาก จึงทำให้มีต้นทุนในการผลิตและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ต่ำมาก

ความสำเร็จของการวิจัยในระยะแรกนี้ พิสูจน์ให้เห็นถึงความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพระหว่าง 3 บริษัท ซึ่งจะนำไปสู่ความร่วมมือกันในระยะที่สอง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีนี้ให้เป็นเครื่องปฏิกรณ์ต้นแบบต่อไป คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 ปี นอกจากนี้ ในการทำปฏิกิริยาจะต้องมีไฮโดรเจน (Hydrogen H2) ที่ได้จากพลังงานหมุนเวียนเป็นส่วนประกอบสำคัญ ดังนั้น ปตท .สผ. จะได้ดำเนินการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนจากกังหันลมที่เหมาะสมกับลักษณะภฺมิอากาศของประเทศไทยต่อไป

นายอัษฎากร กล่าวเพิ่มเติมว่า "เทคโนโลยีการเปลี่ยนก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซมีเทนนี้นอกจากจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแล้ว ยังเป็นทางเลือกในการเก็บพลังงานหมุนเวียนให้กับประเทศอีกด้วย ซึ่งความสำเร็จในการวิจัยครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นของ ปตท.สผ. ที่จะพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง พร้อมทั้งพยายามลดผลกระทบที่จะเกิดกับสิ่งแวดล้อมดังวิสัยทัศน์ของบริษัทที่จะเป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมชั้นนำในเอเชียที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและหัวใจสีเขียว”