ภายในนิทรรศการฯ ได้รับการตกแต่งในรูปแบบที่ทันสมัย แปลกใหม่ เข้าใจง่าย เน้นไอเดียการนำไหมมาใช้ประโยชน์ในหลากหลายรูปแบบ เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมได้นำไอเดียต่างๆ กลับไปคิดและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ จากไหม ที่ไม่ได้จำกัดภายใต้รูปแบบของผ้าไหม โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ “ไหม” ในรูปแบบของผ้าที่ไม่ธรรมดา อาทิ เสื้อผ้าไหมรูปแบบใหม่ที่ยืดหยุ่นและนุ่มสบาย เหมาะกับการสวมใส่ในทุกสภาพอากาศ ทั้งในรูปแบบของชุดทำงานและชุดลำลอง นอกจากนี้ยังใช้ทำเสื้อเกราะกันกระสุน ด้วยคุณสมบัติของเส้นใยที่มีความเหนียวกว่าสเตนเลส และแข็งแกร่งกว่าเหล็ก
นอกจากนี้ มิวเซียมสยาม ยังได้เปิดตัวร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์จากไหมภายใต้แบรนด์ “Cocoon & Co” (โคคูน แอนด์ โค) และมีมุมที่นั่งเล่นชื่อ Cocoon Café อาหารและเครื่องดื่มสุขภาพที่ใช้ “ผงไหม” ซึ่งเป็นวัตถุดิบธรรมชาติในการประกอบอาหารและปลอดภัย 100% มีเมนูหลากหลาย อาทิ สปาเก็ตตี้ซอสหมูยอ ซีซาร์สลัดโคคูน หมูยอลุยสวน ไส้กรอกอีสาน โยเกิร์ตและไอสครีมรสผลไม้ผสมผงไหม ฯลฯ
ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีมูลค่าเพิ่มจากโปรตีนของน้ำต้มรังไหมที่ชื่อ “เซริซิน” ซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายถึง ๑๘ ชนิด ป้องกันรังสียูวี และยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิว ฯลฯ พร้อมกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนแท้ๆ จากตัวเราเอง จึงเหมาะกับการนำมาผสมในอาหารและเครื่องดื่ม และยังผสมในเครื่องสำอางโดยไม่พบอาการแพ้อีกด้วย
ด้วยคุณสมบัติพิเศษของ “ไหม” ในด้านการเก็บความร้อนและระบายความชื้นได้ดี มีโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อมนุษย์และเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี จึงมีการนำไหมมาใช้ประโยชน์ในรูปแบบที่เราคาดไม่ถึง เช่น หลอดเลือดเทียม คอนแทคเสนส์ ผ้าปิดแผล ชุดชั้นใน และอีกหลากอย่างที่จะช่วยกระตุ้นและสร้างแรงบันดาลใจกับผู้ชมให้นำกลับไปคิดสร้างสรรค์นวัตกรรมเกี่ยวกับไหมต่อไป
บนเวทีแถลงข่าวเปิดตัวนิทรรศการ “มองใหม่ด้ายไหม” นั้น ได้มีการแสดงชุด “The Passion Of Silk” ประกอบด้วยการเดินแบบพร้อมสาธิตการจับเดรปผ้าไหมให้เป็นเสื้อผ้าทั้งแบบไทยและแบบตะวันตกเพื่อแสดงถึงภูมิปัญญาการสร้างสรรค์เสื้อผ้าอาภรณ์ที่สะท้อนยศถาบรรดาศักดิ์หรือฐานะทางสังคมของผู้สวมใส่ ต่อด้วยการเดินแบบแสดงเสื้อผ้าร่วมสมัยสไตล์อังกฤษ ฝรั่งเศส ไทย และญี่ปุ่น ที่ทำจากผ้าไหมรวมถึงผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ทำจากไหม โดยมีการบรรเลงเพลง “ลาวดวงเดือน” ซึ่งนิพนธ์โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเพ็ญพัฒนพงศ์ กรมหมื่นพิไชยมหินทโรดม ในระหว่างการเสด็จไปตรวจเยี่ยมศูนย์การปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในมณฑลอีสานราวปี พ.ศ. 2446 ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจของสยามในขณะนั้น โดยซออู้ที่ใช้บรรเลงนั้น มีเป็นสายที่ทำมาจากเส้นไหม
เรียนรู้ประสบการณ์อันน่ามหัศจรรย์เกี่ยวกับไหมได้ในนิทรรศการ “มองใหม่ด้ายไหม” เปิดให้เข้าชม ณ มิวเซียมสยาม ทุกวันอังคารถึงวันพฤหัสบดี เวลา 10.00 – 18.00 น. และวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์ เวลา 10.00 – 20.00 น. ไปจนถึงวันที่ 29 มิถุนายน 2557 (ปิดวันจันทร์) ตลอดระยะเวลาการจัดแสดงจะมีการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง อย่างต่อเนื่อง เช่น เวิร์คช็อปสิ่งประดิษฐ์จากไหม ผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถติดตามข่าวสารได้ที่ facebook.com/museumsiamfan สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Cocoon Hotline โทร. 081-927-4808 หรือ 0-2225-2777 ต่อ 416
HTML::image( HTML::image( HTML::image(ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit