IRM เผยกลยุทธ์รับมือการแข่งขันตลาดบริหารชุมชนและอาคาร ยืนยันไม่ปรับราคาถึงปี 58 เน้นสร้างความคุ้มค่ากับธุรกิจอสังหาฯ

11 Sep 2013

กรุงเทพฯ--11 ก.ย.--พีอาร์ บูม

อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ (IRM) ชี้ธุรกิจบริหารอาคารและชุมชนแข่งขันสูง มีทั้งบริษัทต่างชาติและคนไทยกว่า 100 บริษัท ลูกค้าเริ่มรู้ทันบริษัทในเครือผู้ประกอบการคิดแพงเว่อร์ เร่งเปรียบเทียบราคาตลาดและคุณภาพบริการ เผยกลยุทธ์สร้างความได้เปรียบบริหารแบบกรีนคอนเซ็ปต์ ใช้เทคโนโลยีใหม่ช่วยประหยัดพลังงานได้จริง 25-30% พร้อมประกันความเสี่ยงภัย 25 ล้านบาท ยืนยันไม่ปรับราคาถึงปี 58 เน้นสร้างความคุ้มค่าให้กับธุรกิจอสังหาฯ

นายธนันทร์เอก หวานฉ่ำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเตอร์ เรียลตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด (IRM) และอดีตนายกสมาคมบริหารทรัพย์สินแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงการแข่งขันของตลาดในช่วง 2 ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ว่า ธุรกิจบริหารอาคารและชุมชนยังคงมีการแข่งขันรุนแรง เนื่องจากในปัจจุบันมีธุรกิจบริหารทรัพย์สินทั้งชาวไทยและต่างชาติ ในกลุ่มธุรกิจที่เป็นของคนไทยนั้นมีทั้งบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะ รวมทั้งบริษัทลูกจากเจ้าของโครงการจัดสรรต่าง ๆ โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดนิเนียม ที่ส่วนใหญ่ได้มอบหมายให้บริษัทในเครือทำหน้าที่บริหารอาคาร แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็คือ ผู้อยู่อาศัยเริ่มมีการเปรียบเทียบราคากับธุรกิจที่ให้บริการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งพบว่าค่าบริหารและจัดการของบริษัทในเครือนั้นแพงกว่ามาตรฐานตลาดมาก หลังจากที่โอนทรัพย์สินให้กับนิติบุคคลแล้วโครงการหลายแห่งจึงเริ่มมองหาบริษัทอื่น ๆ ที่เป็นมืออาชีพและมีประสบการณ์ในการบริหารอาคารและชุมชน ผลที่ตามมาก็คือมีบริษัทในเครือของผู้ประกอบการจัดสรรหลายแห่งต้องปิดกิจการ และเปิดโอกาสให้ผู้อยู่อาศัยเลือกใช้บริการบริษัทอื่น ๆ

“ปกติแล้วลูกค้าหรือผู้ที่อยู่ในอาคารชุดไม่ค่อยสนใจเรื่องค่าบริการในการบริหารมากนัก เนื่องจากเห็นว่าเป็นบริการที่ผู้ประกอบการได้เลือกให้จึงคิดว่าถูกและคุ้มค่ากว่า แต่หลังจากทำงานร่วมกันประมาณ 1-2 ปี จึงสัมผัสถึงการแก้ปัญหาและการบริการ รวมทั้งเมื่อพิจารณาถึงรายละเอียดค่าใช้จ่ายต่าง ๆ พบว่าแพงกว่าท้องตลาดทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นค่าบริหารจัดการที่สูงกว่า รวมทั้งการจัดซื้อจัดจ้าง ค่าพนักงานรักษาความปลอดภัย แม่บ้าน และค่าซ่อมบำรุงต่าง ๆ ราคาแพงกว่าท้องตลาด จึงไม่มีการต่อสัญญาจ้างและมองหาผู้ให้บริการรายอื่นเข้าไปทำหน้าที่แทน” นายธนันทร์เอกกล่าวและเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ทำงานร่วมกับโครงการคอนโดมิเนียมที่มีปัญหาดังกล่าวหลายโครงการ และคาดว่าในอนาคตคณะกรรมการของนิติบุคคลของโครงการต่าง ๆ จะมีการเปรียบเทียบราคาและมองหาบริษัทที่ค่าบริการคิดค่าบริการเป็นธรรมและบริหารโครงการได้อย่างคุ้มค่า ซึ่งความจริงแล้วอาคารพักอาศัยต่าง ๆ สามารถเลือกผู้บริหารโครงการได้ แต่ก็มีหลายอาคารที่ผูกขาดกับบริษัทในเครือของผู้ประกอบการ

อย่างไรก็ตาม มีแนวโน้มว่าในอนาคตโครงการอาคารชุดที่ผูกขาดการบริหารอาคารกับเจ้าของโครงการ จะเปลี่ยนแปลงผู้บริหารและจะเข้าสู่ระบบการแข่งขันของตลาดอย่างแท้จริง เนื่องจากลูกค้าหรือผู้อยู่อาศัยไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคา นอกจากนี้แล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในเชิงลึก เนื่องจากบุคลากรไม่เชียวชาญ ขาดการอบรมเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ด้านกฎหมาย รวมทั้งความรู้ในการบริหารชุมชนอย่างแท้จริง นอกจากนี้แล้วยังพบว่าการจัดบุคลากรเพื่อให้บริการลูกค้ายังไม่สอดคล้องกับกลุ่มผู้อยู่อาศัย ทำให้เกิดปัญหาในการสื่อสารและสร้างความพึงพอใจ

นายธนันทร์เอกกล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้ไปธุรกิจบริหารอาคารและชุมชนจะให้ความสำคัญกับเรื่องการนำเสนอเรื่องความคุ้มค่าให้กับโครงการและผู้อยู่อาศัย เพราะการแข่งขันด้านความรู้และความสามารถอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ เนื่องจากเป็นปัจจัยที่สามารถพัฒนาตามกันได้ทัน แต่สิ่งที่ IRM สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งคือ ได้ให้ความสำคัญกับการบริการภายใต้กรีนคอนเซ็ปต์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรื่องการประหยัดพลังงาน บริษัทฯ ได้จับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้กับอาคารต่าง ๆ และสามารถประหยัดพลังงานได้ถึง 25-30% ซึ่งถือว่าเป็น Know How ที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้แล้วยังมีประกันความเสี่ยงภัยจากการบริหารและจัดการจำนวน 25 ล้าน เพื่อคุ้มครองและประกันความเสียหายที่เกิดจากการทำงาน ที่สำคัญ IRM ยังไม่มีนโยบายปรับราคาค่าบริหารอาคารและชุมชนและยังคงให้บริการลูกค้าในราคาเดิมไปจนถึงปี 2558 แม้ว่าธุรกิจต่าง ๆ ได้ปรับค่าบริการตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นแล้วก็ตาม

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net