กรุงเทพฯ--13 ก.ย.--M.O.CHIC
เป็นที่น่าสังเกตว่า งานนาฬิกาแห่งภูมิภาคเอเชียครั้งที่ 15 “Central International Watch Fair 2013” ซึ่งกำลังจัดอยู่ขณะนี้ ที่ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และแผนกนาฬิกา ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน ดูจะคึกคักเป็นพิเศษ เพียงเปิดฉากไปแค่สัปดาห์เดียว ยอดขายก็วิ่งฉิวไป 30% ของเป้าแล้ว ทำเอาทั้งผู้จัดอย่างห้างเซ็นทรัล และค่ายนาฬิกาชั้นนำของประเทศต่างยิ้มหน้าบานกันถ้วนหน้า เพราะกว่าจะจบงาน 30 ก.ย. 56 ยอดปีนี้คงทะลุเป้าชนิดสวนกระแสเศรษฐกิจซบเซากันแบบเห็นๆ
อาจเป็นเพราะจุดขายของงานนี้ที่เห็นชัดๆ คือ รวบรวมสุดยอดนวัตกรรมเรือนเวลา รุ่นใหม่ล่าสุดที่ส่งตรงจาก งานบาเซิลเวิลด์ (BaselWorld) และงานSIHH (The Salon International de la Haute Horlogerie) ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ รวมกว่า 180 แบรนด์ รวมมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท มาจำหน่าย ซึ่งบรรดาวอทช์เลิฟเวอร์จะรู้ดีว่างานนี้ จัดในช่วงเวลาดีที่สุดอยากได้รุ่นใหม่สุดหรือรุ่นหายากไปครอบครองต้องมาที่งานนี้เท่านั้น
แต่อะไรที่ทำให้งานปีนี้คึกคักมากเป็นพิเศษกว่าทุกๆ ปี ปิยวรรณ ลีละสมภพ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บริษัท สรรพสินค้าเซ็นทรัล จำกัด เล่าให้ฟังว่า “ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้คนสนใจมาเลือกซื้อนาฬิกาอย่างคึกคักสวนกระแสเศรษฐกิจนั้น เหตุผลหนึ่ง คือ ปัจจุบันคนสนใจที่จะซื้อนาฬิกาเพื่อสะสมหรือเพื่อลงทุนเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน ที่ซื้อเพื่อเป็นเครื่องประดับหรือแฟชั่นเท่านั้น ทั้งนี้ เพราะนาฬิกามีมูลค่าเพิ่มขึ้นทุกปี เมื่อเปรียบเทียบแล้วมีมูลค่าและให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าดอกเบี้ยธนาคาร”
“เรียกได้ว่า ยิ่งเก็บไว้นานมูลค่ายิ่งเพิ่ม หรือบางรุ่นเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ผลิตจำนวนน้อย และไม่มีการผลิตอีก นักสะสมนาฬิกาก็ยิ่งอยากได้ บางทีเพิ่งลงทุนไปไม่นานก็ได้กำไรกลับคืนมาหลายเท่าตัวแล้ว ประกอบกับการจัดโปรโมชั่นด้วยข้อเสนอที่ดึงดูดใจ จึงทำให้คนตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น” บิ๊กบอสการตลาดห้างเซ็นทรัล กล่าว
ฝั่งผู้บริหารค่ายนาฬิกาชั้นนำของประเทศไทย ต่างก็ออกมายืนยันว่าการซื้อเพื่อการลงทุนเป็นปัจจัยหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้ตลาดนาฬิกาคึกคัก พร้อมกันนี้ยังแนะนำรุ่นที่น่าสนใจให้เหล่าคอลเลกเตอร์ และชี้แนะวิธีการเลือกคอลเลกชั่นเด็ดๆ สำหรับผู้ที่ต้องการซื้อเพื่อการลงทุนอีกด้วย
เริ่มกันที่ผู้บริหารหนุ่มหล่อ นนทิวัช ประภานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แม็คโครริช เมโทร จำกัด เผยมุมมองว่า “ช่วงนี้เศรษฐกิจประเทศไทย ยังไม่นิ่ง GDP จะโตขึ้นหรือเปล่าก็ยังไม่ทราบแน่นอน ราคาทองคำก็แกว่ง และตกลงไปเรื่อยๆ ตลาดหุ้นก็ตก ไม่ได้รับผลตอบแทนที่ดี น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้คนหันมาลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่ากับสิ่งอื่นมากขึ้น รวมทั้งนาฬิกาข้อมือ ที่หลายคนค้นพบว่า เป็นของมีคุณค่า มูลค่าไม่มีตก อย่างเช่น แบรนด์ เฟรดเดริค คองสตองท์ (Frederique Constant) บางรุ่น เมื่อราว 8-10 ปีที่แล้ว หลายคนอาจจะซื้อมาในมูลค่า 1 แสนบาท แต่วันนี้มูลค่าได้เพิ่มขึ้นไปหลายเท่าตัว เพราะเป็นรุ่นที่ไม่มีการผลิตอีกแล้ว”
“ในงานวอทช์แฟร์ปีนี้ผมอยากขอแนะนำอีกแบรนด์ที่น่าสะสมคือ อัลเตริเยร์ เดอโมนาโค (Ateliers deMonaco) นาฬิกาแบรนด์เดียวที่ได้รับความสนับสนุนจาก Prince Albert of Monaco และรัฐบาลประเทศโมนาโค ซึ่งมีคอนเซ็ปต์ที่ชัดเจน สำหรับรุ่นที่น่าสะสมนั้น นนทิวัช บอกว่าควรซื้อ รุ่น ควอนเตียม เพอร์เพทชวล คาเลนดาร์ อีซี่ แอดจัสท์ – ทูรินี (Quantieme Perpetual Eazy Adjust Turini) โดยมีข้อเด่นที่เป็นกลไกใหม่ ที่ได้รับการแก้ไขข้อด้อยจากรุ่นก่อนๆ สามารถแก้ไขปรับตั้งเวลาโดยเม็ดมะยมเม็ดเดียว ไม่มีปุ่มพุทเชอร์หลายปุ่ม ทั้งยังเป็นกลไกที่พัฒนาขั้นสูงสุด สามารถปรับตั้งได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีข้อห้ามอย่างรุ่นก่อนว่า ห้ามช่วง 6 ทุ่ม ถึงตี 1 หรือ ห้ามปรับช่วง 11 โมง เพราะจะส่งผลต่อกลไกฟันเฟืองจะขัดกัน ต้องส่งไปซ่อมที่ต่างประเทศ โดยรุ่นนี้ได้แก้ข้อด้อยพร้อมจดสิทธิบัตรลิขสิทธิ์ไว้แล้ว”
ส่วนการพิจารณาสะสมนาฬิกาเพื่อการลงทุนนั้น นนทิวัชแนะนำว่า “ขอให้ดูวัสดุตัวเรือนที่ผลิตเป็นสิ่งแรก ถ้าจะเพิ่มมูลค่าได้ ต้องเลือกไวท์โกลด์แท้ ไม่ควรเลือกสเตนเลสสตีล และต้องดูความเป็นลิมิเต็ดเอดิชั่น ศึกษาว่ามีกี่เรือนทั่วโลก หรือมีความพิเศษอะไร เรื่องกลไกสามารถเลียนแบบได้ง่ายหรือว่า มีสิทธิบัตรเพียงผู้เดียว ถ้าคุณสมบัติน่าสนใจ หากมีกำลังก็น่าซื้อลงทุนเก็บไว้ เพราะหากเราเก็บเงินทองไว้ก็ไม่ได้นำมาโชว์อะไรได้ แต่นาฬิกา ช่างนาฬิกาได้มีการดีไซน์ แล้วประดิษฐ์ขึ้นโดยใส่ความประณีตลงไป กลายเป็นงานฝีมือเครื่องประดับชั้นเลิศ ไม่ว่าจะเป็นการแกะสลัก ขัดเงา เวลาสวมก็ช่วยเสริมบุคลิกได้ดี และยิ่งนานไปก็ยิ่งเป็นที่ต้องการ มูลค่าไม่มีตกครับ”
ขณะที่ ยูกิ ศรีกาญจนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพนดูลัม จำกัด เผยว่า นับตั้งแต่ทำธุรกิจนาฬิกามา 20 กว่าปี ทุกวันนี้สังเกตได้ว่าลูกค้าที่รักนาฬิกาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้ง่าย และศึกษาอย่างจริงจัง และรู้ว่าเรือนไหนน่าสะสม โดยส่วนใหญ่จะเลือกสะสมรุ่นคลาสสิก และรุ่นที่กลไกซับซ้อนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การสะสมนาฬิกาก็มีหลายรูปแบบ หลายระดับ ส่วนการซื้อเพื่อการลงทุนนั้นขอแนะนำว่า ต้องเลือกรุ่นที่คนกำลังสนใจ โดยไม่จำเป็นต้องราคาสูง แต่เป็นรุ่นที่คนอยากได้ ทุกวันนี้ ข่าวสารเร็วมาก เกิดกระแสข้อมูลถึงกัน ผู้ผลิตเองก็จะทำการตลาดไม่ปล่อยออกมาเยอะ เมื่อเราซื้อไว้ มีเพื่อนอยากได้เพราะหายาก เราก็สามารถขายได้มูลค่าสูงขึ้น
“สำหรับนาฬิกาที่น่าสะสมขอแนะนำแบรนด์ แฟรงก์ มุลเลอร์ (Franck Muller) รุ่น ธันเดอร์โบลท์ ทูร์บิญอง (Thunderbolt Tourbillion) เรือนผู้ชาย การสร้างสรรค์จักรกลเอสเคปเม้นท์ทูร์บิญองเร็วที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา โดยการขับเคลื่อนของกระปุกลานสี่ตัว ที่ทำให้กรงทูร์บิญองสามารถหมุนรอบสมบูรณ์ไ ด้อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ในทุกๆ 5 วินาที มีเอกลักษณ์ เฉพาะจากเอสเคปเม้นท์ FM ผ่านการจดสิทธิบัตร ประกอบด้วย เฟืองเอสเคปเม้นท์ยึดติดกับที่, ชิ้นส่วนทางสมอสำหรับถอยหลังและบาลานซ์วีลเช่นเดียวกับการติดตั้งด้วย “ใยสปริง เบรเกต์” ที่ผลิตขึ้นทั้งหมดภายในโรงงานของตนเอง และ แฟรงก์ มุลเลอร์ (Franck Muller) รุ่น ดับเบิ้ล มิสเตอรี ควอเทร เซซองส (Double Mystery Quatre Saisons) รุ่นประดับเพชรของผู้หญิง เส้นผ่าศูนย์กลางขนาด 42 มม.ซึ่งซ่อนเข็ม มีแต่ลูกศรที่เคลื่อนไหวที่หน้าจอ เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ พัฒนาขึ้นและเป็นลิขสิทธิ์ของแฟรงก์มุลเลอร์ ข้อเด่นคือสามารถหมุนรอบตัวเองได้ใน 5 วินาที ขณะที่นาฬิกาทูร์บิญองทั่วไป จะใช้เวลา 60 วินาที เรือนนี้นับว่าเร็วที่สุด ฉะนั้น จึงขอแนะนำผู้ชายที่ชอบกลไกสลับซับซ้อน ต้องเป็นรุ่นทูร์บิญอง ส่วนผู้หญิงก็จะเป็นรุ่นประดับเพชรค่ะ”
ด้าน ธนพร อมรสมเกียรติ ผู้ช่วยประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอสที ไดเมนชั่น วอทช์ บูติค จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมานาฬิกาหรูยังคงได้รับความสนใจเช่นเคย เพราะมีกลุ่มเฉพาะที่คอยซื้อเพื่อการสะสมและเพื่อการลงทุน การสะสมนาฬิกาเป็นความชอบส่วนบุคคล บางเรือนมีความพิเศษในตัวเอง ขณะที่ตัวแบรนด์เองก็ได้ขายตัวนาฬิกาที่หลายคนชื่นชอบ และแบรนด์ก็การันตีในมูลค่า และคุณภาพ บางคอลเลกชั่น ต้องสั่งจองเท่านั้น อย่างนาฬิกาที่ประดับจิวเวลรี่นั้นก็เห็นชัดว่าจิวเวลรี่มีคุณค่าในตัวอยู่แล้ว คนที่ซื้อไปก็เพราะหลงรักในความสวยงามและนวัตกรรมเรือนเวลา ซึ่งแต่ละคนก็จะเลือกที่เหมาะกับบุคลิกตัวเอง
“ค่ายนาฬิกาของเราแบรนด์ที่ขายดี ยังคงเป็น เพียเจต์ (Piaget) และเบรเกต์ (Breguet) และที่อยากแนะนำสำหรับคอลเลกเตอร์ คือ เบรเกต์ (Breguet) รุ่น มารี อองตัวเนต ดองแตล (Marie Antoinette Dentelle) ตัวเรือนทองคำขาว หน้าปัดทำจากเปลือกหอยมุกและทองสีเงินประดับเพชร ตัวเรือนและขอบตัวเรือนด้านในประดับเพชร เสริมความงดงามด้วยลวดลายประดับเพชรรอบตัวเรือนด้านนอก และประดับทับทิมน้ำหนัก 0.30 กะรัต อีก 1 เม็ด ทำงานด้วยกลไกอัตโนมัติ พร้อมฝาหลังคริสตัลแซฟไฟร์เผยให้เห็นการทำงานของตัวเครื่อง มาพร้อมสายซาตินสีแดง นาฬิกาคอลเลกชั่น มารี อองตัวเนต ดองแตล สำหรับสุภาพสตรีเรือนนี้ รวมประดับเพชรทั้งสิ้น 293 เม็ด น้ำหนักรวมอยู่ที่ 9.5 กะรัต ที่มาพร้อมชุดเครื่องประดับ โดยมีสร้อยทับทิมเข้าเซ็ทกันทั้งนาฬิกาและสร้อย สวยมาก เหมาะกับผู้หญิงที่ชอบเพชร เรานำมาเปิดตัวในงานนี้เป็นที่แรกในประเทศไทย สามารถสั่งจองได้ค่ะ”
“ส่วนเรือนสำหรับผู้ชายก็มี เบรเกต์ (Breguet) รุ่น เทรดดิชั่น จีเอ็มที (Tradition GMT) ตัวเรือน Rose Gold ขนาด 40 มม. กลไกไขลาน สำรองพลังงานได้ 50 ชั่วโมง แสดงเวลาประเทศที่สองที่หน้าปัดย่อยตำแหน่ง 8 นาฬิกา มีฟังก์ชั่นบอกเวลากลางวัน-กลางคืนที่ตำแหน่ง 10 นาฬิกา และมีฟังก์ชั่นแสดงพลังงานสำรองอยู่ที่ด้านหลังของตัวเครื่อง กันน้ำได้ลึก 30 เมตร มาพร้อมสายหนังจระเข้สีน้ำตาล ที่น่าสะสม เพราะมีเรื่องราวประวัติศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้อง โดยได้มีการพัฒนามาจากพ็อกเก็ตวอทช์ ซึ่งเบรเกต์ก็เป็นแบรนด์ที่เก่าแก่อยู่แล้ว เป็นเรือนผู้ชายที่น่าสะสมมาก เพราะมีทั้งความคลาสสิกผสมผสานความทันสมัยอย่างลงตัวค่ะ”
ปิดท้ายที่ผู้บริหารคนสวย เตย มหาดำรงค์กุล ผู้บริหารฝ่ายการตลาด บริษัท โทรคาเดโร ไทม์ จำกัด เผยมุมมองในการลงทุนกับนาฬิกานั้นเห็นด้วยว่าคุ้มค่า เพราะในงานนี้ทุกแบรนด์จะมีคอลเลกชั่นใหม่ๆ ที่น่าสนใจ มีลิมิเต็ดเอดิชั่นออกมาให้สะสม ไม่ว่าจะเก็บไว้สะสมเพื่อการลงทุน หรือเก็บไว้เป็นมรดกให้ลูกหลานก็ได้ “การเลือกสะสม ก็แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน อย่างแบรนด์ โอริส (Oris) จะทำนาฬิกาให้เหมาะกับแต่กลุ่มคน เช่น ชอบการบิน, ชอบดำน้ำ, ชอบขับรถ จะเห็นได้ว่าเรามีนาฬิกาที่เหมาะเฉพาะกับแต่ละกลุ่ม จึงเลือกสะสมได้ตามต้องการ และจะมีกลุ่มคนที่ชอบเหมือนกัน ที่อยากได้ เมื่อเรามี ก็เพิ่มมูลค่าในการขายเช่นกัน”
“สำหรับนาฬิกาที่พบได้ในงานนี้และขอแนะนำให้สะสมเพื่อการลงทุนคือ โอริส (Oris) รุ่น โปรไดเวอร์ พอยท์เตอร์ มูน (ProDiver Pointer Moon) ครั้งแรกของโลกแห่งนาฬิกาจักรกล ที่สามารถแสดงวงโคจรของดวงจันทร์และน้ำขึ้นน้ำลงได้พร้อมกัน ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองความต้องการของการประดาน้ำมืออาชีพได้อย่างยอดเยี่ยม อาทิ ระบบป้องกันการเคลื่อนที่ของขอบหน้าปัดที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของโอริส (Oris's patented Rotation Safety System) เพื่อป้องกันการปรับเลื่อนที่อาจเกิดโดยอุบัติเหตุ และยังมีวาล์วเพื่อปรับปล่อยก๊าซฮีเลียมได้โดยอัตโนมัติ พร้อมหน้าต่างบอกวันที่ ที่ตำแหน่ง 5 นาฬิกา และ เข็มบอกวินาที นาที และ ชั่วโมงที่ตำแหน่งศูนย์กลาง ตัวเรือนไทเทเนียม กันน้ำได้ที่ระดับ 1,000 เมตร เป็นรุ่นสำหรับนักดำน้ำ ที่ออกมาล่าสุด และมีความพิเศษที่สามารถเห็นวัฏจักรของดวงจันทร์ บอกได้ว่าวันไหนดวงจันทร์ข้างขึ้นหรือข้างแรม เหมาะกับนักดำน้ำ เพราะต้องดูเรื่องน้ำขึ้น น้ำลง ซึ่งมีผลต่อการดำน้ำ” เตย กล่าว
ได้ฟังเคล็ดลับการเลือกซื้อนาฬิกาเพื่อการลงทุน และรุ่นที่ควรครอบครองไปแล้ว สามารถไปสัมผัสสุดยอดนาฬิกาคอลเลกชั่นใหม่ล่าสุด พร้อมข้อเสนอดีที่สุด และคุ้มที่สุดได้ใน “Central International Watch Fair 2013” วันนี้ ถึง วันที่ 30 ก.ย. 56 ณ ดิ อีเว้นท์ฮอลล์ ชั้น 3 ห้างเซ็นทรัลชิดลม และแผนกนาฬิกา ห้างเซ็นทรัลทุกสาขา และเซน
-กผ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit