เอ็นไวโรเซล เปิดโผงานวิจัย 3 หัวเมืองใหญ่ ย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ เจาะลึกพฤติกรรมการบริโภค โอกาส และขุมทรัพย์ของนักลงทุน

10 Sep 2013

กรุงเทพฯ--10 ก.ย.--อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ

เอ็นไวโรเซล (ไทยแลนด์) เปิดโผงานวิจัย 3 หัวเมืองใหญ่ของประเทศพม่า ย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองท่า และเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจ ชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างด้านคุณลักษณะของโครงสร้างประชากร อายุ รายได้ กำลังซื้อ รวมถึงพฤติกรรมการบริโภค เพื่อเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจ เป็นแหล่งโอกาส และขุมทรัพย์ของนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นภาคสินค้า และการบริการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแท้จริง

สรินพร จิวานันต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นไวโรเซล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า “จากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศพม่า มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่เติบโตสูงขึ้น และเป็นที่จับตามองของนักลงทุนต่างชาติ เอ็นไวโรเซล จึงเดินหน้าเข้าไปศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภคในประเทศนี้อย่างต่อเนื่อง นับได้ว่าเป็นบริษัทวิจัยบริษัทแรกที่เข้าไปเจาะลึกข้อมูลเกี่ยวกับผู้บริโภค เป็น The First Mover ในแวดวงอุตสาหกรรมวิจัยที่เข้าไปทำการวิจัยขยายตลาดสู่ประเทศเพื่อนบ้าน โดยเดินหน้าสำรวจข้อมูลใน 3 หัวเมืองใหญ่ของประเทศพม่า คือ ย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็น 3 เมืองหลัก ที่เป็นตัวขับเคลื่อนประเทศพม่า และมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก โดยได้มีการศึกษาในเรื่องของทัศนคติ วิถีชีวิต การใช้ผลิตภัณฑ์ การบริโภคสื่อ ความต้องการ และโอกาสทางการตลาด ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุนทุกภาคส่วน ในการนำข้อมูลไปวิเคราะห์ และวางแผนกลยุทธ์ตลาด โดยเป็นกลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในเขตเมือง (Urban) เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อระดับกลางขึ้นไป”

“ในส่วนของผลงานวิจัยในประเทศพม่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างประชาชนชาวพม่าในเขตเมือง (Urban) ณ เมืองย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ พบว่า ชาวพม่าในแต่ละเมืองมีความเหมือน และความแตกต่างกันในเรื่องของลักษณะทางกายภาพพื้นฐานโดยทั่วไป รวมถึงพฤติกรรมการบริโภค อย่างเห็นได้ชัด โดยข้อมูลด้านกายภาพของ ชาวพม่าชี้ว่า มีประชากรเพศหญิงมีมากกว่าประชากรเพศชาย คิดเป็น 46% และเพศหญิงคิดเป็น 54% อายุเฉลี่ยของชาวพม่า จะอยู่ที่ประมาณ 35 ปี โดยที่ 70% จะเป็นคนที่อายุน้อยกว่า 45 ปี ในเรื่องของรายได้ 77% ชาวพม่า มีรายได้เฉลี่ยน้อยกว่า 6,000 บาทต่อเดือน ในด้านของการศึกษา จากกลุ่มตัวอย่างพบว่า โดยส่วนมากสามารถอ่านออกเขียนได้ แต่จะศึกษาในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ถึงตอนปลายเท่านั้น เพราะรัฐเป็นผู้สนับสนุนด้านงบประมาณของทุกโรงเรียน โดยนักเรียนจะเสียค่าเล่าเรียนถึงระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หลังจากนั้นต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ดังนั้นสัดส่วนการศึกษาในระดับปริญญาตรี จะอยู่ในระดับที่ค่อนข้างต่ำ อาศัยอยู่ในตัวเมืองต่างๆ เพราะฉะนั้นการที่จะสื่อสารกับคนพม่านั้น จะต้องเป็นอะไรที่ตรงๆ ง่ายแก่การทำความเข้าใจ จึงจะได้ประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนสถานภาพสมรส ผลวิจัยพบว่า ประมาณ 60% ของคนพม่าแต่งงานแล้ว และแต่งงานค่อนข้างเร็ว และนิยมมีลูก โดยมีอัตราการหย่าร้างต่ำมาก โดยขนาดของครอบครัว มีจำนวนสมาชิกโดยเฉลี่ย 4.85 คน ต่อครัวเรือน ซึ่งถ้าเปรียบเทียบ 3 เมือง พบว่า คนย่างกุ้งมีวิถีชีวิตที่มีความโมเดิร์น และทันสมัยมากกว่า จึงเป็นผลให้ขนาดของครอบครัวจึงมีขนาดเล็กกว่าคนเมืองอื่น”

“ในเรื่องของลักษณะอุปนิสัย จากผลการสำรวจพบว่า คนย่างกุ้งจะมีวิถีชีวิตที่มีความทันสมัย เปิดรับความทันสมัยที่เข้ามามากที่สุด ส่วนเนปิดอว์ เรียกว่าเป็นลูกผสมระหว่างการเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ และความเป็นคนหัวเก่า ในขณะที่มัณฑะเลย์ มีวิถีชีวิตแบบอนุรักษ์นิยมหรือค่อนข้างหัวโบราณ โดยใน 3 เมือง พบว่า ชาวพม่ามีลักษณะที่มีความคล้ายคลึงกันคือ มีความเคร่งครัดในเรื่องของวัฒนธรรม และประเพณีต่างๆ ในแบบฉบับของพม่า แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดรับสิ่งใหม่ๆ และสามารถปรับเปลี่ยน เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัยได้เช่นเดียวกัน โดยชาวพม่าในเมืองย่างกุ้งมีการเปิดรับสิ่งใหม่ๆ และเทรนด์ใหม่ๆ ได้ง่ายกว่า กล่าวคือ สามารถเปลี่ยนแปลง และปรับตัวได้ดีกว่าชาวพม่าในเนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ แต่ทั้งนี้จะต้องค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป เพราะคนพม่ายังคงรักษาวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม และกลัวการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว ส่วนของวิถีชีวิต หรือ Lifestyle นั้น พบว่ามีความแตกต่างไปตามแต่ละเมือง และถิ่นที่อยู่อาศัย ในยามว่าง ส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่บ้านดูทีวี ยังไม่มีใช้เวลาเพื่อการสังสรรค์นอกบ้าน หรือมีกิจกรรมทางสังคมมากนัก และสถานที่ที่คนส่วนใหญ่ นิยมไปคือ วัด และการพบปะตามร้านน้ำชาข้างถนน หรือในบริเวณชุมชนใกล้บ้าน แต่ทั้งนี้ กลุ่มคนรุ่นใหม่ เริ่มจะมีการสังสรรค์ หรือพบปะกันตามศูนย์การค้า ที่เริ่มเปิดมากขึ้นในประเทศพม่า แต่ก็ยังไม่หนาแน่นมากเช่นในประเทศไทย นอกจากนั้น จากการสำรวจ พบว่าชาวพม่าส่วนใหญ่ ยังเดินตลาด และไปตลาดทุกวัน เพราะยังนิยมทำกับข้าวกันเองที่บ้าน รวมถึงทำกับข้าวไปรับประทานที่ทำงานด้วย”

“ในด้านการคมนาคม ส่วนใหญ่ชาวพม่านิยมใช้จักรยาน โดยคิดเป็น 54% และมอเตอร์ไซด์ คิดเป็น 43% เป็นพาหนะในการเดินทาง เนื่องจากมีอัตราการเก็บภาษีรถมอเตอร์ไซด์ค่อนข้างต่ำ เพียงประมาณ 5% เท่านั้น โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา มีจำนวนรถยนต์ที่จดทะเบียนการค้าเติบโตขึ้นถึง 4.37% โดยชาวพม่าจะนิยมรถสีขาว นอกจากนี้ ในส่วนของการบริโภคสื่อ พบว่า โทรทัศน์ยังเป็นสื่อหลักที่เข้าถึงชาวพม่าได้มากที่สุด โดยมี 4 ช่องโทรทัศน์หลัก ซึ่งเป็น Free TV ได้แก่ MRTV, MWD, MRTV4 และ Channel 7 ซึ่งแต่ละช่อง มีความชัดของสัญญาณไม่เท่ากันในแต่ละเมือง และมีลักษณะผู้ชมต่างกัน เช่น Channel 7 คนดูจะค่อนข้างวัยรุ่นสมัยใหม่ มีกำลังซื้อสูง (Purchasing Power) ทั้งนี้ช่วงเวลาไพร์มไทม์ (Prime time) จะเร็วกว่าค่าเฉลี่ยไพร์มไทม์ทั่วโลก คือช่วงเวลา 19.00 – 22.00 น.

ขณะที่ ค่าเฉลี่ยไพร์มไทม์ทั่วโลกอยู่ที่ 20.00 – 23.00 น. ซึ่งรายการที่เป็นที่นิยมในประเทศพม่า คือ ซีรีย์ต่างประเทศจากเกาหลี รองลงมา คือ ละครโทรทัศน์ ภาพยนตร์จีน และรายการประเภทวาไรตี้ต่างประเทศ อาทิ Ain Mat Soneyar หรือ Where dream meet (รายการลักษณะเดียวกับ The voice) และ Are you smarter than 5th grade ซึ่งเป็นรายการบันเทิงเกือบทั้งสิ้น”

“หลังจากที่เอ็นไวโรเซล ได้เข้าไปทำวิจัยในประเทศพม่าที่เมืองย่างกุ้ง เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์แล้ว เอ็นไวโรเซล มีแผนที่จะเข้าไปทำงานวิจัยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเฟสต่อไป ทางเอ็นไวโรเซลกำลังศึกษาข้อมูลผู้บริโภคพม่าเกี่ยวกับกำลังซื้อของชาวพม่า หรือ Purchasing Power ในการซื้อแต่ละเมืองว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ซึ่งจากผลสำรวจเบื้องต้นพบว่า เมืองย่างกุ้งเป็นเมืองที่ที่มีกำลังซื้อสูงที่สุด รองลงมาคือ เนปิดอว์ และมัณฑะเลย์ ในแต่ละเมืองมีการใช้สินค้า และบริการที่แตกต่างกันไปตามวิถีชีวิตที่ค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละเมือง โดยที่คนย่างกุ้งจะค่อนข้างมีความทันสมัย และเริ่มหันมาใช้สินค้าที่สร้างความสะดวกสบาย มีอุปกรณ์ไอทีที่มีความทันสมัยล้ำหน้า เพื่อเอื้อประโยชน์ในการทำงาน รวมถึงไลฟ์สไตล์ เช่น คอมพิวเตอร์ ที่มีสเปคสูง (Hi-end) หรือในส่วนของ เมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองที่ไม่ค่อยมีพนักงานออฟฟิศ จึงไม่มีใครเป็นต้นแบบแห่งแฟชั่น หรือรูปแบบการใช้ชีวิตที่ทันสมัย คล้ายคลึงกับเมืองเนปิดอว์ ซึ่งเป็นเมืองใหม่ และเป็นเมืองราชการ การซื้อสินค้าจึงเป็นไปเพื่อตอบสนองความต้องการพื้นฐานของชีวิตเท่านั้น”

“ในส่วนของรายละเอียดที่เจาะลึกเรื่องการบริโภคสินค้าแต่ละประเภท แบรนด์ใดเป็นที่นิยมในแต่ละสินค้า และแบรนด์ไทยแบรนด์ใดที่ครองใจติดอันดับ 3 ของชาวพม่า และลักษณะกลุ่มเป้าหมายของสินค้าใน แต่ละประเภท และแต่ละแบรนด์ จะเป็นเรื่องที่เอ็นไวโรเซล จะเข้าไปศึกษารายละเอียด เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักการตลาด และนักลงทุน ได้นำไปวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล และถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ส่วนผลประกอบการของเอ็นไวโรเซล ในปีนี้สามารถทำรายได้ไปแล้วกว่า 25 ล้าน และคาดว่าในปีจะถึงสิ้นปี รายได้รวมทั้งหมด จะเติบโตขึ้นอีกกว่า 20%” นางสาวสรินพร จิวานันต์ กล่าวทิ้งท้าย

-กผ-

สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net