กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--กลุ่มการประชาสัมพันธ์ สำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง แถลงข่าวประมาณการเศรษฐกิจไทย ณ เดือนกันยายน 2556 ว่า “เศรษฐกิจไทยในปี 2556 คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 3.5 และจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 4.0 หากการเร่งรัดการเบิกจ่ายของภาครัฐในไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ 2557 เป็นไปตามแผนของมาตรการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพ ทั้งนี้ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลงส่วนหนึ่งมาจากการที่เศรษฐกิจไทยในครึ่งปีแรกชะลอลงกว่าที่คาด โดยเฉพาะการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน มีแนวโน้มชะลอตัวลงหลังจากที่เร่งขึ้นไปมากในช่วงก่อนหน้า ขณะที่การลงทุนภาครัฐคาดว่าจะยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปีนี้ ตามการใช้จ่ายในงบประมาณของรัฐบาลส่วนกลางและการลงทุนของรัฐวิสาหกิจที่ยังเบิกจ่ายได้อย่างต่อเนื่อง สำหรับการส่งออกสินค้าและบริการคาดว่า จะเติบโตในอัตราเร่งขึ้น โดยได้รับอานิสงส์จากการส่งออกด้านบริการที่จะขยายตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเกือบทุกภูมิภาค สำหรับเสถียรภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2556 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.3 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 2.0 – 2.5) ลดลงจากปีก่อนหน้า ตามการชะลอตัวลงของอุปสงค์ภาคเอกชน ประกอบกับราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลงอันเป็นผลมาจากอุปสงค์ในตลาดโลกที่ชะลอลง
สำหรับเศรษฐกิจไทยในปี 2557 สำนักงานเศรษฐกิจการคลังคาดว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องที่ร้อยละ 5.1 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ร้อยละ 4.6 – 5.6) โดยได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าที่มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปซึ่งจะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของการส่งออกสินค้าและบริการ นอกจากนี้ สถานการณ์การจ้างงานที่ยังอยู่ในเกณฑ์ดีและภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะช่วยสนับสนุนให้การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนสามารถขยายตัวได้ ขณะที่แรงกระตุ้นจากการใช้จ่ายภาครัฐ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากการเบิกจ่ายเม็ดเงินตามแผนการบริหารจัดการน้ำที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และการเบิกจ่ายเม็ดเงินตามแผนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐที่คาดว่าจะเริ่มเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นไป ในด้านเสถียรภาพภายในประเทศ คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในปี 2557 จะอยู่ที่ร้อยละ 2.8 (โดยมีช่วงคาดการณ์ที่ ร้อยละ 2.3 – 3.3) อันเป็นผลจากอุปสงค์ภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ตามแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลก”
ทั้งนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “อย่างไรก็ตาม ในการประมาณการเศรษฐกิจจำเป็นต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด อาทิ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่อาจส่งผลกระทบต่อความผันผวนของการเคลื่อนย้ายเงินทุนของไทย ภัยธรรมชาติและโรคระบาด ปัญหาการขาดแคลนแรงงานในบางสาขาอุตสาหกรรม อีกทั้งการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่จะเป็นไปตามเป้าหมายได้มากน้อยเพียงใด”
สำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการการคลัง โทร. 0-2273-9020 ต่อ 3273 -นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit