กรุงเทพฯ--30 ก.ย.--สหมงคลฟิล์ม
ทำไม “ต้มยำกุ้ง2-3D” ถึงเป็นหนังที่ต้องดู?พูดคุยอย่างออกรสกับแอ็คชั่นหญิง “เล่นจริง เจ็บจริง” จีจ้า ญาณินในความยากที่เต็มไปด้วยความท้าทายกับหลากหลายความเซอร์ไพรส์ที่ทุ่มสุดตัว
Q: ก่อนอื่นคงต้องเล่าให้เราฟังแล้วละว่าในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง2-3Dจีจ้ารับบทเป็นใครอย่างไร J : สวัสดีค่ะ จีจ้า ญาณิน ค่ะ สำหรับในเรื่อง ต้มยำกุ้ง 2 (3D) รับบทเป็น ปิงปิง ค่ะ เป็นคน ร่าเริง อ่อนโยน มีจิตใจดี แต่ว่าข้างในจิตใจแล้วค่อนข้างอ่อนไหว ปิงปิงจะมีน้องสาวอยู่คนหนึ่งชื่อว่า ซือซือ ตัวปิงปิงเองจะเป็นคนที่รักน้องมาก ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นคนทะมัดทะแมง และเป็นผู้หญิงที่มีความเข้มแข็งมาก เพราะน้องสาวของเขาจะค่อนข้างขี้โรค ทำให้ต้องคอยดูแลน้องคนนี้ตลอดเวลา และนี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมปิงปิงเองถึงต้องดูโตกว่าวัย ทั้งปิงปิงและซือซือจะมีลุง ที่มีฐานะค่อนข้างรวย เป็นเศรษฐีเลย แต่ว่ามีความชอบที่แปลกอย่างหนึ่ง คือ ชอบสะสมสัตว์หายากหรือสัตว์แปลกๆ จนวันหนึ่งลุงสุชาติได้ส่งคนไปลงพื้นที่ แล้วไปถูกใจเจ้าขอนเข้า ซึ่งขอนก็คือช้างของขาม ขามนี้นำแสดงโดยพี่จา พนม ค่ะ พอถูกใจก็ทำให้อยากได้ไอ้ขอนมาเป็นของตัวเอง พยายามทำทุกวิถึทาง จนมีเหตุการณ์เกี่ยวเนื่องกัน และเป็นเหตุให้ขามหรือพี่จา พนมเนี่ยะ ตกเป็นผู้ต้องหา ทำให้เราต้องออกตามล่า และเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวในต้มยำกุ้ ง2-3D
Q : เมื่อเทียบกับผลงานของจีจ้า2เรื่องก่อนหน้า บทบาทในต้มยำกุ้ง 2-3D แตกต่างกันอย่างไร J : ถ้าสำหรับบทบาทปิงปิงในเรื่องต้มยำกุ้ง 2 (3D) นี้มีความแตกต่างกับช็อคโกแลต หรือเรื่อง ดื้อสวยดุ ในเรื่องช็อคโกแลตเราเล่นไปตามอารมณ์ที่เรารู้สึกว่าเด็กอยากได้ของ เด็กไม่ได้ดั่งใจ มันมีความเป็นเด็กค่อนข้างใสๆ อยู่เยอะมาก ส่วนพอโตมาในของดื้อสวยดุจะออกเป็นวัยรุ่นที่โผงผางคิดอย่างไรแสดงออกอย่างนั้น พูดอย่างนั้นไปเลย แสดงออกมาโต้งๆ ตรงๆ ทุกอย่างจริงใจ แต่พอมาเป็นในเรื่องต้มยำกุ้ง 2-3D บทของปิงปิงจะเป็นตัวละครพี่ที่มีน้องที่ต้องคอยดูแลแล้วเหมือนกับว่าต้องโตกว่าวัย ต้องรับผิดชอบอะไรมากกว่าวัย คือจะเป็นคนที่ค่อนข้างจะต้องเก็บอารมณ์ เป็นคนที่ว่าแรงนะ เป็นวัยรุ่นที่ไม่จะไม่ใสมากแล้ว เรื่องนี้อย่างที่บอกคือมันต้องมีความรับผิดชอบ การดูแลชีวิตอีกชีวิตหนึ่งน้องที่ป่วยอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นจะต้องเป็นคนที่พึ่งพาได้ ต้องเป็นคนเก็บอารมณ์ และเป็นคนที่ต้องทำอะไรเฉียบขาด แสดงออกค่อนข้างสุขุมขึ้น ในเรื่องนี้ค่อนข้างนิ่งกว่า และโตกว่า 2 เรื่องก่อน
Q.ฟังๆดูแล้วตัวละครปิงปิงค่อนข้างมีความเป็นดราม่าที่มีความกดดันอยู่สูงเลยทีเดียว J : ค่ะตัวละครปิงปิงเป็นตัวละครที่ได้รับความกดดันค่อนข้างมาก โดยที่เริ่มต้นจากการที่แต่แรกนี้ก็เหมือนไม่เหลือใครอยู่แล้วต้องอาศัยอยู่กับลุงกับน้องสาว ซึ่งมีคนที่รักเหลืออยู่น้อยมากแล้ว แล้วต้องมาสูญเสียลุงไปอีก และมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนมีสิ่งที่ต้องปกป้องมากขึ้น ดูแลมากขึ้น แล้วในภาพยนตร์มันจะต้องเกิดสถานการณ์ที่ทำให้เราต้องปกป้องคนที่เรารักจนสุดตัวสุดหัวใจอีก ไหนน้องสาวจะต้องป่วยอีก แล้วจะต้องเผชิญความกดดันต่างๆ อีก จนทำให้รู้สึกว่า การตัดสินใจของปิงปิงที่จะทำอะไรในแต่ละครั้ง คือ เป็นคนที่ต้องเด็ดขาด ทำให้คาแรคเตอร์ที่แสดงออกมาลึกๆ แล้วดูเหี้ยมโหด แต่จริงๆ ที่เขาทำไปมีเหตุผลทุกอย่าง เขาทำไปเพื่ออะไร และทำเพื่อคนที่เขารัก ตามล่าเพื่อล้างแค้นให้กับคนที่เขารักมีหลายเหตุผล หลายตัวแปร
Q.แน่นอนว่าเป็นนางเอกแอ็คชั่นจะไม่พูดถึงเรื่องฉากแอ็คชั่นหรือการต่อสู้คงไม่ได้ แฟนๆจะได้เห็นจีจ้าออกคิวบู๊โชว์ศิลปะการต่อสู้ในรูปแบบใดบ้าง J : สำหรับความสามารถในเรื่องการต่อสู้ของเรื่องนี้ก็คือ เราจะไม่ได้เน้นมวยไทยอย่างเดียวแล้ว ในการต่อสู้ของเรื่องนี้จะเน้นความเป็นสากลมากขึ้น จะเป็นการต่อสู้ได้ในหลายๆ รูปแบบ แต่ตัวปิงปิงนี้จะมีอาวุธพิเศษอย่างหนึ่งติดตัวด้วย ซึ่งแตกต่างจากเรื่องอื่นก็คือ เป็นเข็มค่ะ เป็นเข็มที่มี 2 แบบ คือเป็นเข็มที่ใช้รักษาในการฝังเข็มกับเข็มที่เป็นเหมือนลูกดอกอาบยาพิษได้ด้วย เหมือนเป็นอาวุธลับ ประจำตัว สาเหตุที่ปิงปิงในเรื่องเขาเลือกที่จะใช้เข็ม เพราะว่า น้องเขา คือตัวซือซือ ก็จะเป็นโรคหอบหืด เป็นโรคประจำตัว เป็นโรคลมชักนะค่ะ ปิงปิงก็จะใช้เข็มคอยรักษาน้องไปด้วย และอีกนัยหนึ่งก็จะใช้เข็มป้องกันตัวไปด้วย ส่วนอาวุธของตัวซือซือน้องสาวเนี้ย ก็จะมีเหมือนกัน ทั้งคู่นี้จะผูกพันกัน ปูว่าเล่นศิลปะป้องกันตัวสากลมาด้วยกัน คือเล่นได้หลายอย่าง แต่อาวุธนี้ก็จะแตกต่างกันไป ปิงปิงใช้เข็ม ส่วนซือซือก็จะเป็นพวกแส้ หรือว่าแหวนเข็มอาบยาพิษ
Q. ว่ากันว่าในต้มยำกุ้ง 2 (3D) มีอะไรที่เซอร์ไพรส์มาฝากแฟนๆ เยอะ อันแรกสุดเลยแฟนๆ จะได้เห็นจีจ้าญาณินมีแฝด J : ในเรื่องที่เห็นจ้า มี 2 ร่าง จริงๆ ไม่ใช่ (หัวเราะ) ในเรื่องมีฝาแฝดด้วย เป็นแฝดน้อง เหมือนกับเป็นพี่น้องที่ค่อนข้างรักกันมาก แสดงโดย วานวาน เขาเล่นเทควันโดมาก่อนแล้วเขาก็มาเล่นพวกตีลังกา จนได้เป็นสแตนอินเป็นสตั้นหญิง เขาเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างแกร่งมากคนหนึ่งเลย ถ้าเล่นเวทด้วยกันนี้จะเล่นยึดข้อซึ่งกล้ามขึ้นได้แบบแมนมาก ตัวเล็กแต่ดูเป็นคนแข็งแรงมากค่ะ ในเรื่องของการเล่นเตะต่อย เป็นคนที่ท่าทางแข็งแรง รำสวย รำหมายถึงพวกรำเทควันโด แล้วก็เป็นคนหัวไว ที่สำคัญคืออย่างในเรื่องนี้ คืออยู่กับเขาแล้วจ้ารู้สึกสบายใจ ในเรื่องเวลาถ่ายหนังด้วยกันนี้เขาต้องเล่นเป็นน้อง และเหมือนเราต้องดูแลเขา แต่ในชีวิตจริง เรื่องจริงเลยคือเขาเป็นคนดูแลจ้า ทุกอย่างเขาจะเป็นห่วง อย่างไปห้องน้ำด้วยกัน เดี๋ยววานไปเป็นเพื่อน เอาข้าวไหม นั้นโน้นนี้ไหม คือเป็นการดูแลกัน คือของเล็กๆ น้อยๆ วานชอบทำขนมมาให้ทานและเป็นคนทำขนมอร่อย และหลังๆ เหมือนจ้าได้ใจอยากทานอะไรปุ๊บก็จะไปอ้อนวาน มีเวลาเขาก็จะทำให้ที่บ้านทานด้วยแล้วก็แบ่งมาให้เราทานด้วย ก็คือแบบจะนึกถึงกันตลอดเวลา แล้วโดยส่วนตัววานเขาจะเลี้ยงซูการ์ไรเดอร์ จ้าก็อยากเลี้ยงแต่ไม่มีเวลาเลี้ยง แม่ก็ไม่ให้เลี้ยง ใครก็ไม่ให้เลี้ยง เขาบอกว่าขนาดรับผิดชอบตัวเองยังลำบากเลย ก็คือวานก็จะหิวมาให้เล่นซะอย่างงั้น ซูการ์ไรเดอร์แบบอ้วนๆ 2 ตัว มันคือรายละเอียดที่เราอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนนะค่ะ แต่ว่าจะเหมือนเขาดูแลเรามากกว่าแต่ในเรื่องเหมือนเราดูแลเขา มันก็เลยมีความผูกพันกันหลายๆ อย่าง นั่งคุยกัน ปรึกษาอะไรกัน ว่างๆ วันหยุด ก็โทรหาร้านบุฟเฟต์เค้ก อีกวันเป็นร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านราเม็ง หาร้านของกินที่เป็นบุฟเฟต์แบบนี้ค่ะ พออีกอาทิตย์ต่อมาพี่ในกองก็จะถามว่าไปทำอะไรกันมา 2 คน แก้มห้อยกันมาเลยจะชอบไปตะลุยหาของกินกัน ซึ่งมันจะเป็นสไตล์นี้กันมากกว่า วานจะเป็นคนน่ารัก เรียบๆ ง่ายๆ ไม่มีพิษไม่มีภัยกับใคร ที่สำคัญเราสองคนอายุเท่ากันเลยค่ะ เกิดปีเดียวกันเลย แต่ว่าวานเขาจะตัวเล็กกว่า
Q.ถึงจะเล่นแอ็คชั่น แต่หนังทุกเรื่องของจีจ้าก็จะการพูดถึงตลอดคือลุคส์เสื้อผ้าหน้าผมแล้วในต้มยำกุ้ง 2 (3D) เป็นอย่างไร J : ในเรื่องนี้เสื้อผ้าจ้าจะเปลี่ยนไปเลย เพราะตัวพี่ปรัชผู้กำกับและพี่ป็อบ (เอกศิษฎ์ มีประเสริฐสกุล) สไตล์ลิสต์เขาอยากให้ลองเปลี่ยนดูบ้างจากคาแรคเตอร์ที่ผ่านมาสังเกตุได้ เราจะเน้นกางเกงเป็นหลักเลย อย่างช็อคโกแลตนี้จะดูเด็กๆ ใสๆ สำหรับในเรื่องนี้ที่ต้องใส่กระโปรงเล่นแอ็คชั่น แต่บุคลิกมันก็จะต่างจากในช็อคโกแลต เรื่องนี้เสื้อผ้าจะเน้นๆ แนววินเทจ ดูได้จากทรงผมเลย จะเป็นทรงบ็อบ ทรงมอสเลยไปแบบนี้ค่ะ ดูโตขึ้น จะดูเป็นสาว อารมณ์เหมือนเจ้าหญิง เหมือนคุณหนู คุณหนูน่าทะนุทะนอม แต่ว่ากลับต้องมาเรียนแอ็คชั่นด้วยลุคส์ของคุณหนูแบบนี้ ก็แปลกตาดีอยากให้ลองดูกัน แล้วก็จะมีการแต่งหน้าเล่นตลอด ซึ่งในช็อคโกแลตนี้จะไม่แตะเครื่องสำอางค์ เล่นเลย เรื่องนี้ต้องมีการกรีดตาทุกฉาก กรีดตาหางตาเชิด ที่สำคัญเรื่องนี้ใส่กระโปรงเล่น ซึ่งมันก็จะต้องมีท่ากระโดด กระโดดปุ๊บมันก็จะมีปัญหาเรื่องกระโปรงบิน บินซ้าย บินขวา บินมาโปะหน้า แต่ว่าด้วยความพยายามก็ทำให้ทุกอย่างผ่านมาด้วยดี
Q : ฟังดูแล้วอย่างนี้ สำหรับจีจ้ากระโปรงจะไม่เป็นอุปสรรคในการเล่นแอ็คชั่นหรืออย่างไร J : ถึงจะใส่กระโปรง แต่ก็ยังต้องเล่นแอ็คชั่นอยู่ พี่เขาก็จะมีเทคนิคจะทำอย่างไรให้มันเล่นแอ็คชั่นสะดวกนะ ใส่กระโปรงยาวไปก็จะมีปรับขึ้นนิดหนึ่ง หรือว่ามันฉีกขาไม่ได้ก็ฝ่าข้างมันไปเลยโน้นนี้นั้น คือมันก็จะมีการแก้ไข ก็อยากให้ติดตามกันสำหรับการใส่กระโปรงและก็มีแอ็คชั่น การกระโดดลงจากตึก 2 ชั้นอะไรอย่างนี้ว่าจะเป็นอย่างไร ในเรื่องก็ขอพี่เขาว่าฉากไหนที่มันบู๊เยอะนะ ก็จะขอพี่สไตล์ลิสต์ว่าขอเป็นกางเกงนะ ก็ได้กางเกงจริงแต่ยังแอบแฝง ดูอย่างเสื้อก่อนเลย มันก็จะมีผ้าพริ้วๆ แต่ก็จะมีหลายเลเยอร์หน่อยค่ะ เวลาต่อสู้เข้าคิวแอ็คชั่นก็อาจมีการปะทะโดนกระแทก โดนชก โดนต่อย โดนศอก ส่วนกางเกงก็จะเป็นกางเกงขายาวเหมือนกัน แต่คราวนี้เราไม่ใส่กางเกงยีนส์ เราไม่ใส่กางเกงวอร์มแต่จะใส่เป็นกางเกงผ้า คือทุกอย่างก็จะมีดีไซน์มีลูกเล่น และเราแอบมีฮู้ดด้วย ซึ่งในภาพยนตร์ก็จะมีอยู่หลายชุดเหมือนกัน ชุดที่ใส่นี้เป็นชุดที่เรียกว่าออกศึกระดับปานกลาง แต่ก็ยังมีเป็นชุดออกศึกแบบเต็มสตรีมเป็นแบบชาวร็อคอันนั้นเป็นแบบว่าเหมือนรู้ตัวละว่าต้องไปรบ เราจะเตรียมตัวต่อสู้เต็มที่เราก็เลยจะเปลี่ยนชุดนั้นเต็มที่ เรียกว่าชุดบู๊
Q : หนักใจมั้ยได้ข่าวว่าคู่ปรับในเรื่องนี้นอกจากพี่จาแล้วยังเป็นฝรั่งชาวต่างชาติด้วย J : ใช่ค่ะ คู่ต่อสู้ ตัวใหญ่มากเลยแต่ละคน แอ็คชั่นของเรื่องนี้ก็คือจะมีความหลากหลายกันไปในตามเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีตั้งแต่ แอ็คชั่น 2 คน แอ็คชั่น 3 คน แอ็คชั่นกลุ่ม ซึ่งเรื่องนี้จะมีความแปลกแตกต่างตรงที่ดีไซน์เราจะเริ่มไม่เหมือนเดิมละ เอาที่แอ็คชั่นฝาแฝดก่อน ตอนที่ปิงปิงกับซือซือต้องเล่นด้วยกัน เพราะฉะนั้นหลายๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นท่าทางการวิ่ง การกระโดด หรือว่าท่าทางแต่ละจังหวะต้องคล้าย ต้องสัมพันธ์กัน ซึ่งทำให้มีหลายๆ อย่างเลยในการแสดงในภาพยนตร์เรื่องนี้ที่จ้ากับวานวาน ที่แสดงเป็นซือซือน้องสาวจ้านี้ต้องซ้อมไปด้วยกัน อันนี้เราไม่ยากอยู่แล้ว เพราะเราสนิทกันคลุกคลีอยู่มาด้วยกันหลายเดือน และเราก็เริ่มชินจังหวะ ชินอะไรกัน แล้วเราก็จะเริ่มด้วยการซ้อมกันก่อน แต่ที่จะเริ่มยากขึ้นนี้คือ แอ็คชั่นที่เราจะต้องเข้าจังหวะกับนักแสดงคนอื่น อย่างมาริสนักแสดงต่างชาติที่จะเป็นฝรั่งค่อนข้างตัวใหญ่อันนี้เหมือนเราต้องเล่นแอ็คชั่นกับหมีตัวโตใหญ่ๆ ซึ่ง 1 คือความไวของเราต้องเพิ่มขึ้นเพราะเขาเร็ว เรื่องแรงนี้ไม่ต้องห่วงเราเจ็บแน่นอนอย่างไรแอ็คชั่นนี้เราต้องยอมเจ็บ แน่นอนค่ะ ตรงนี้ก็คือเราก็ได้ซ้อมนะกับคุณมาริส เราต้องซ้อมจังหวะกับเขาก่อนจนเรารู้สึกว่าเราชินกับเขาละ ตอนแรกเราเห็นเขาเบ่งกล้ามปุ๊บเราก็กลัวแล้ว คือตัวใหญ่มาก แล้วคือพอเราเข้าฉากด้วยกันนานๆ เข้า พอเล่นแล้วเขาเริ่มเซฟเรา และเรารู้จังหวะกันละ แต่จะมีปํญหาคือภาษาค่ะ เวลาคุยกันค่อนข้างเมื่อยมือมาก เราจะมีล่าม แต่ภาษาแอ็คชั่นมันไม่ต้องมีอะไรมากมาย พอเราชี้จังหวะอะไรกันคือเราจะเข้าใจ แล้วก็แรกๆ เราจะไม่ซ้อมกันแรงมาก เขาเรียกว่าเดินดูไลน์ ดูจังหวะกัน พอเริ่มชิน จังหวะเริ่มดีปุ๊บเราเริ่มใส่แรง โดยการเพิ่ม 40%, 60%, 100% อย่างนี้ แต่ 100% จะเก็บไว้ถ่ายวันจริงมากกว่าเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว แล้วก็ตัวแอ็คชั่นของเรื่องนี้ค่อนข้างยาก
Q.อยากให้จ้าลองยกตัวอย่างฉากแอ็คชั่นที่ยากๆ ที่เราต้องแสดงในต้มยำกุ้ง 2 (3D) J.สำหรับแอ็คชั่นของจ้าในหนังก็จะมีทั้งการต่อสู้กันมีทั้งของ ปิงปิง ซือซือ ขาม ก็คือ จ้า วานวาน พี่จา มันต้องมีจังหวะที่ฝาแฝดตามล่าขาม ค่อนข้างยากเหมือนกันเพราะว่ามันเป็นจังหวะที่ทุกอย่างต้องซิงค์กัน ปิงปิงออกซือซือเข้า ปิงปิงจับซือซือเหวี่ยง ซือซือต้องเตะทันที ขามต้องหลบ คือทุกอย่างมันไล่บี้กันเลย มันบี้กันคือจังหวะมันบี้กันตลอดมันไม่มีช่องว่าง ค่อนข้างเหนื่อยเลย แล้วก็ต้องสู้ในสถานที่ที่มันแคบๆ มันก็จะเป็นสภาพแวดล้อมที่บีบบังคับเหมือนกัน ซึ่งในบทปิงปิงกับซือซือเป็นพี่น้องฝาแฝดกันเพราะฉะนั้นความสัมพันธ์กันนี้มันต้องมีอยู่ในสัญชาตญาณเลยซึ่งรวมไปถึงในส่วนของแอ็คชั่นด้วยคือต้องรู้ใจกัน เพราะมันจะมีจังหวะที่ต้องเล่นไล่บี้กันเลยเพื่อมันจะได้ไม่มีช่อว่าง แล้วอารมณ์ของเรื่องราวตอนนั้นคือเราต้องการฆ่าคนๆ หนึ่งเลย อารมณ์ที่เราต้องไล่ฆ่าคนๆ หนึ่งต่อเนื่องต่อเนื่องกัน สมมติว่าปิงปิงเข้าเตะปุ๊บโดนผลักออกมาปุ๊บซือซือต้องรับ ซือซือโดนผลักออกปิงปิงต้องรับทันที่ให้ได้ แล้วพอเราเหวี่ยงอีกคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งจะต้องรู้ว่าเราจะต้องเตะแล้วนะ ต้องมีการซักซ้อมกันอย่างดีเลย ที่สำคัญเลย ลุกรับ ไม่ว่าอะไรจะเกินกันมา เราจะต้องระวังกันเอง และระวังของรอบข้างด้วย เพราะทุกอย่างอุปกรณ์ประกอบฉากเต็มไปหมดเลย ระวังตัวเองด้วย ระวังคนอื่นด้วย เขาก็ระวังเราก็ระวัง ช่วยๆ กันอะไรอย่างนี้ อีกอันหนึ่งที่รู้สึกว่า ยาก ยาก ยาก ยาก ยาก เลยก็คือ เข้าไปพัวพันกับแอ็คชั่น 3 เส้า ของหมี 2 คน ก็คือเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียวที่ต้องเข้าไปอยู่ในแอ็คชั่นของผู้ชายตัวใหญ่ๆ 2 คน บึ๊กๆ แล้วถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เป็นแอ็คชั่นที่ค่อนข้างยากมาก เพราะว่าตัวจ้าเหมือนจิ้งจก จิ้งจกขึ้นไปเกาะบนตัวหมีแล้วถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เป็นลูกลิงอะไรแบบนั้นค่ะ เราต้องทำผู้ร้ายให้ได้มากที่สุด แรงที่สุด เป็นฉากที่ต้องต่อสู้กับมาริส เวลาเข้ากระทำทีต้องให้ได้หนักที่สุด และดูหนักจริงๆ เพราะว่าด้วยความที่เป็นคนตัวเล็ก คนตัวเล็กบุ๊บเป็นปัญหาเสียเปรียบ ทำอะไรแล้วก็จะดูไม่แรง เพราะฉะนั้นทุกดอกที่เข้าไปต้องใส่เต็ม ใส่เต็ม ตีศอกก็ต้องเข้าไปตีเต็มๆ เลย เขากลับบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย บางทีแอบท้อ หลังๆ เลย พี่ปรัช (ปรัชญา ปิ่นแก้วผู้กำกับภาพยนตร์) พี่ท็อป (วีระพล ภูมาตย์ฝน ผู้กำกับคิวบู๊) บอกใส่เต็ม เอาเต็มๆ เลยนะ เต็มๆ จะได้ให้มันจบๆ ไป กว่าจะผ่านเลือดตาแทบกระเด็น ไหนจะโดนเหวี่ยงลงพื้นเสร็จปุ๊บ ถูกรับแล้วโดนโยนอีกอะไรอย่างนี้ ก็เป็นแอ็คชั่นที่ค่อนข้างทุลักทุเลเหมือนกัน แต่ก็มันดีค่ะ
Q : ว่ากันว่าทุกองค์ประกอบในการเกิดขึ้นของโปรเจ็คต์ภาพยนตร์แอ็คชั่นภาคต่อที่คนทั้งโลกรอคอยอย่างต้มยำกุ้ง 2-3D ไม่มีฉากไหน ไม่มีส่วนไหนของภาพยนตร์ง่ายเลย แม้แต่ฉากแอ็คชั่น3เส้าที่จ้าพูดถึง จริงมั้ยที่ว่าทุกๆฉากแอ็คชั่นในภาพยนตร์ล้วนเป็นโจทย์ที่ยากและท้าทายตั้งแต่การวางโจทย์ ตั้งแต่การคิดออกแบบดีไซน์เลยทีเดียว J : ค่ะ (หัวเราะ) แล้วทุกๆ ก็จะมีโจทย์ที่แตกต่างกัน แต่ล้วนแล้วคือยากทั้งสิ้นอย่างฉากแอ็กชั่น 3 เส้าความยากอยู่ตรงนี้ค่ะคือ ผู้ชาย 2 คนที่ต่อสู้กัน ก่อนอยู่แล้วนั่นคือมาริสกับพี่จา แล้วเราต้องเข้าไปพัวพันในการต่อสู้นั้นกลายเป็น 3 คน ค่อนข้างยากที่ความต่างของศิลปะที่แต่ละคนใช้ คือปิงปิงใช้ศิลปะการต่อสู้อย่างหนึ่ง ขามก็ใช้แบบหนึ่ง ตัวมาริสก็จะใช้อีกแบบหนึ่งไปเลย แล้วคือต้องเอามาต่อสู้กัน มันมีความยากตั้งแต่ตอนคิดคิวแล้ว ตั้งแต่ตอนดีไซน์คิวต้องมีการดีไซน์กันมาก่อนว่าถ้าคุณต่อยด้วยมวยไทยมา จ้าไม่แน่ใจว่ามวยของมาริสรู้สึกจะเรียกว่าฟิฟตี้ทู คือเขาจะใช้มือ เท่าที่จ้าศึกษาและสังเกตุจะเห็นว่าศิลปะการต่อสู้ที่เขาใช้ มันเป็นการโจมตีที่ช่องว่างน้อยมาก แล้วถ้าโจมตีนี้เขาก็จะปัดป้องอย่างนี้ ซึ่งเรารู้สึกว่าถ้าเราปีนขึ้นไปแล้วมันต้องทุ่มทั้งแรงกายแรงใจที่จะกระทำให้ได้สักดอก, 2 ดอก อะไรแบบนี้ และน้อยมากที่จะทำให้เขาเจ็บค่ะ เนื่องจากเขาตัวใหญ่แล้วช่องว่างเขายังน้อยอีก เขาไม่ค่อยเปิด แล้วเขาเป็นคนไหวมาก ก็ถ้าทะเลาะกันจริงๆ ก็คงไม่เอาค่ะ ส่วนพี่จาเองไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะศิลปะมันดีไซน์ใกล้เคียงกัน จังหวะที่เล่นกัน ก็คือโอเคนะค่ะ เหมือนกับว่าเคยซ้อมด้วยกันมาแล้ว คือมันจะเห็นว่าเล่นยังไง คือมันรู้ไลน์กัน แต่ว่าที่เป็นปัญหาจะเป็นของมาริสมากกว่าค่ะ อย่างที่บอกคือกลัวเขาด้วย ค่อนข้างตัวใหญ่ แต่พอซ้อมกับเขาไปก็ค่อนข้างโอเคขึ้น แต่พอเล่นกับเขาต้องใช้แรงจริงทั้งหมด ไม่อย่างนั้นจะรู้สึกว่าเรากระทำอะไรเขาไม่ได้เลยตอนที่อยู่ในฟิล์มภาพมันจะใหญ่ พูดได้ว่าสำหรับฉากต่อสู้กันที่เป็นลักษณะ 3 เส้า ของหญิง 1 ชาย 2 เป็นฉากโหดมาก มีความน่าสนใจตรงที่ อย่างแรกเลยเปิดความอลังการ คือเราอยากให้เห็นฉากที่เป็นท้ายเรือ (แต่จ้าไม่แนใจว่ามันเรียกว่าเรืออะไร) ฉาก 3 เศร้าที่เราต้องการจะให้เห็นเนี้ยมันเป็นฉากที่ค่อนข้างอลังการมากเลย ฉากที่เราถ่ายมันเป็นอู่ต่อเรือ เพราะฉะนั้นคือ จะค่อนข้างใหญ่แล้วก็เปิดฉากภาพกว้างมากซึ่งโดยปกติแล้วเนี้ยฉากการต่อสู้เนี้ยจะถ่ายภาพแคบๆ ถ่ายภาพกลาง แต่จะไม่ค่อยได้เห็นฉากกว้างๆ แบบนี้นะค่ะ แล้วก็เป็นฉากที่มีคน 3 คนต่อสู้กันอยู่ การต่อสู้เป็นการต่อสู้คนละแขนงแต่ว่าเอามารวมการต่อสู้ให้อยู่ในฉากเดียวกันได้ด้วย ตรงนี้ก็น่าสนใจอยากให้ดูกัน
Q: มีฉากแอ็คชั่นฉากไหนในมุมมองของจ้าคิดว่ามันแปลกใหม่ น่าสนใจ สำหรับคนดู แต่ขณะเดียวกันก็ท้าทายสำหรับคนเล่นมากๆ J : สำหรับเรื่องนี้ ความแปลกตาหรือความสวยในความคิดของจ้ามีค่อนข้างเยอะมาก ซึ่งไม่น่าเชื่อเลยว่าการที่เราไปวิ่งกระโดดมีคิวแอ็คชั่นต่อสู้กันอยู่บนท่ามกลางไอ้พวกเครื่องจักรอะไรพวกนี้เป็นร้อยๆเครื่อง เป็นการทำให้เกิดการดีไซน์ของฉาก ของโลเคชั่นที่เราไปถ่ายนี้รู้สึกดูแปลกตาขึ้นไปอีก แล้ว ต้องขอบอกว่าทั้งหมดทั้งมวลเลยที่เราไปถ่ายล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องจักรจริงๆ ทั้งหมดที่ใช้ตัดเหล็ก แต่ละอันไม่น่าเบากว่า 25 ตันที่เราต้องไปถ่าย ไปกระโดดข้ามอะไรแบบนี้ ซึ่งมีความอันตรายค่อนข้างสูง แต่เราก็มีการไปซ้อมในสถานที่จริง สำหรับในฉากนี้ก็คือได้เข้าฉากคู่กับ (เราเวียนมาเจอกันอีกแล้ว) คาซู ที่เป็นพระเอกของเราในเรื่องดื้อสวยดุค่ะ แต่ในเรื่องนี้เรามาสู้กันเอง เพราะเขาเป็นฝ่ายตรงข้ามกัน ก็คือเป็นฉากที่ตัวปิงปิงตามไล่ล่าขามมาติดๆ กลับพบว่ามีคนอีกลุ่มหนึ่งเหมือนกันที่ตามไล่ล่าขาม พอมาเจอกันซึ่งก็คือตัวละครที่คาซูแสดงนั่นเอง ก็เลยกลายเป็นว่าเราก็โดนลูกหลงเข้าไปด้วย ก็คือจะสู้กับพี่จา แต่ว่าคาซูดันหลุดออกมาพอดี ก็เลยมีการกระโดดเหยียบพี่จาปุ๊บ แต่ไปถีบคาซู และต้องมีการตีลังกาหหงายหลับกลับมาศอกพี่จาอีกทีหนึ่ง คือเป็นการโจมตีที่ให้เกิดผลมากที่สุด คือ ทำ 1 ครั้งแต่ต้องตีให้ได้ 3 ครั้ง ค่อนข้างเป็นท่าที่ทำยากพอสมควรเลยค่ะ หลายเทกเหมือนกันฉากนี้ แล้วในฉากนี้ก็จะมีการรวบรวมเอานักแสดงแอ็คชั่นมากฝีมือหลายๆ คนเลยเหมือนกันค่ะ ไม่ว่าจะเป็นพวกนักแสดงของไฟท์ติ้งที่เคยแสดงโครตสู้โครตโส ไม่ว่าจะเป็น โอ๋ ปอม จ้าว นัท มากฝีมือกันทั้งนั้นค่ะรับรองว่ามันส์แน่นอน
Q : เห็นในภาพยนตร์ตัวอย่างมีการโชว์ฉากโชว์แอ็คชั่นกับมอเตอร์ไซด์ด้วย J : ค่ะจีจ้าก็โดนด้วย เพราะพี่พันนากับพี่ท็อป ได้ดีไซน์คิวแล้วคิดว่า กลัวจ้าไม่สนุกเหมือนพี่จา ก็เลยมีฉากมอเตอร์ไซค์วิบากเหมืนกันต้องหนีมอไซค์เหมือนกันด้วยค่ะ ตรงนี้ก็เป็นฉากไล่ล่ากันบนตึกเลย ขึ้นตึก ยังจะเอามอไซค์ตามล่าเราขึ้นมาอีก โอเคเราก็หนีๆ กันไป นอกจากมอไซค์วิบากแล้ว เราก็ยังเจออีกคนหนึ่ง ซึ่งเราอยู่คู่กันมานานก็คือพี่หม่ำ เรื่องนี้เราก็เจอกันอีกแล้วค่ะ ก็พี่หม่ำหลายๆ คนก็ยังคงจำจ่ามาร์คได้นะคะ ในเรื่องนี้ก็ยังคงไม่ได้เลื่อนขั้นก็ยังคงเป็นจ่ามาร์คอยู่ ก็คือเรื่องนี้ต้องมามีบู๊ด้วยกันคือพี่หม่ำ มีจ้า มีพี่จาค่ะ แต่ทีนี้ไอ้ความไม่ธรรมดาอยู่ที่มอเตอร์ไซค์ในภาพยนตร์เรื่องต้มยำกุ้ง 2 (3D) จะเป็นมอเตอร์ไซค์ที่แต่งแล้ว (แว๊น) ที่เครื่องมันจะแรงกว่าปกติ คือเราก็จะถูกเขาไล่ล่าวนขึ้นตึก ก็จะมีการเล่นแอ็คชั่นกับมอเตอร์ไซค์ด้วย และเล่นในที่แคบหลังจากที่ขึ้นไปบนตึกแล้ว เราก็จะต้องหนีให้ทันให้ได้ไม่งั้นเราก็โดนเหยียบแน่นอน เหยียบจริงๆ ด้วย ก็ต้องมีวิ่งหนี หลบ มีการทำลายข้าวของ ฉากนี้เป็นฉากที่ง่ายที่สุดตั้งแต่ทำมาเป็นฉากทำลายข้าวของโดยไม่คิดอะไร แล้วก็จะมีฉากดีไซน์คิวแอ็คชั่นกันระหว่างฝาแฝดอีกคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน ก็ต้องเล่นจังหวะให้ประสานกันเหมือนเดิม แต่สุดท้ายในฉากมอเตอร์ไซค์ก็มีพลาดค่ะ ด้วยเพราะเนื้อที่ที่มันแคบมาก มอเตอร์ไซค์ที่เขาปล่อยไหลมา ปล่อยไหลมาเต็มๆ เลยก็มีที่หลบไม่ทัน เพราะว่าตอนแรกเหมือนลืมล็อคคอมอไซค์ ที่นี้พอมอไซค์ที่มันถลาโดยที่ไม่มีคนขับมันวิ่งตามเราเองได้ด้วย พอเราวิ่งนี้ปุ๊บมันหักคอตามเราได้ด้วย มันดันเป็นวงของมันพอดีนะค่ะ ก็มีบาดเจ็บบ้างเล็กน้อย
Q : แสดงว่าการเล่นแอ็คชั่นยังไงก็ยังคู่กับการบาดเจ็บที่ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่จีจ้า ญาณินมักจะเจออยู่เสมอ J : เรื่องเจ็บเนื้อเจ็บตัว มันมียิบย่อย ช้ำ เลือดออก โดยบาดบ้าง โดนนั้นโดนนี้บาดเล็กๆ น้อย ๆ มันเป็นปกติของหนังแอ็คชั่นในทุกเรื่องที่ผ่านมาอยู่แล้ว แต่ในเรื่องนี้ยังไม่ได้โดนอะไรมากมายเพราะว่าคำนวณการซ้อมและการเซฟตี้ค่อนข้างดีแล้ว
Q : เห็นในภาพข่าวจะมีฉากมอเตอร์ไซด์ 300 คันไล่ล่าจ่าพนมไปบนถนนพระราม3ชนิดที่ว่าปิดถนนกันเลย มีภาพจีจ้าไปเป็นช่างภาพเบื้องหลังตอนถ่ายทำด้วย J : (หัวเราะ) ก็จริงๆ บางวันที่ไม่มีคิว ก็จะมีแวะไปดู ไปเชียร์ ไปให้กำลังใจพี่ๆ ในกองถ่ายบ้างเหมือนกันค่ะ อยากเห็นความอลังการ ฉากขับมอเตอร์ไซค์ไล่ล่าเป็นฉากที่อลังการมากๆ เพราะว่ารวมแก๊งมอเตอร์ไซค์ประมาณกว่า 300 คัน ซึ่งเป็นการถ่ายทำที่คนค่อนข้างเยอะ รถค่อนข้างเยอะ แล้วการถ่ายทำยากมาก ต้องมีการถ่ายฉากฮ.ช็อต คือ ใช้เฮลิคอปเตอร์ในการถ่ายทำด้วย เสียงดังมากแล้วก็ไม่อยากจะหลุดเข้าไปอยู่เลยในนั้นแน่นอนเพราะต้องโดนรถเหยียบแน่ๆ เพราะกว่า 300 คันเลย แล้วก็เห็นว่าต้องมีรถตำรวจคอยนำ แล้วก็คอยตามตลอด เพราะว่า 1. คือพยายามไม่ให้เกิดอันตรายเกิดขึ้นเพราะถ้าล้มคันหนึ่งอาจจะลำบากอีกหลายคันเลยซึ่งก็ดูแลได้ยากมากเลยค่ะพูดถึงความปลอดภัยของอันนี้ แต่ว่าสำหรับภาพที่ออกมากที่เห็นคือสวยเลย เห็นในตัวอย่างแล้วรู้สึกว่าสวยคุ้มค่าที่ถ่ายทำแบบนั้น นอกจากนี้ยังมีฉากอลังการอีกหลายๆ ฉากมากๆ ที่จ้าแอบไปดูก็คือเป็นฉากที่ว่าขามหรือพี่จาต้องกระโดดสะพานกาญจนาภิเษกซึ่งค่อนข้างสูงมากให้ความรู้สึกเหมือนเล่นปันจี้จ้ำแอบอยากไปกระโดดด้วยแต่เราไม่มีฉากนั้น ตอนไปยืนดูก็รู้สึกลุ้นเหมือนกัน เพราะว่ามันค่อนข่างสูงมาก ค่อนข้างอันตรายมาก
Q : หลายคนตั้งคำถามว่าทำไมต้มยำกุ้ง 2-3D ใช้เวลาถ่ายทำนานมาก ไม่เห็นจะฉายซะที J : หลายๆ คนอาจจะมีความสงสัยถึงวิธีการถ่ายทำต้มยำกุ้ง 2 (3D) ทำไมถึงได้ถ่ายทำนาน ซึ่งมันจะมีความละเอียดอ่อนหลายอย่างค่ะ เอาเป็นว่าตั้งแต่ขั้นตอนการเขียนบทซึ่งเป็นสิ่งที่บอกได้เลยว่าวงการหนังไทยเรามีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงทุกอย่างแล้ว พยายามทำออกมาให้ดีที่สุดเพื่อที่จะให้คนดูได้ดูกันแล้วรู้สึกดีที่สุดนะค่ะ ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับปรุงหลายครั้งเพื่อให้บทออกมาสมบูรณ์ ในเรื่องของการทำแอ็คชั่นก็ต้องมีวิธีการซ้อม เตรียมการซ้อมนานเพราะว่าด้วยความที่เรามีนักแสดงต่างชาติมาก ต่างชาติต่างภาษา ก็ต้องมีการเก็บตัวซ้อมด้วยกัน แล้วก็ฉากมันก็มีหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นแอ็คชั่นการต่อสู้คู่ 3 เส้าอย่างที่บอก คนโน้นสู้กับคนนี้ คนนี้สู้กับคนนั้น ก็เลยต้องมีการซ้อมเพื่อที่จะให้เล่นได้เข้าขากัน ฉากแต่ละฉากสำหรับต้มยำกุ้ง 2 ที่ต้องเตรียมการจะค่อนข้างใหญ่อลังการ และที่สำคัญเลยคือ เรื่องนี้เป็นแอ็คชั่น 3D เรื่องแรกของเมืองไทย เรื่องแรกเนี้ยะ กล้อง 1 ตัว 40 กิโลลองแบกแล้วค่ะ เอาวางบนบ่าเฉยๆ ขยับตัวไม่ได้แล้วระหว่างนั้นต้องมีคนประคอง เข้าใจเลยว่าคนเป็นตากล้องเนี้ยะต้องแข็งแรงมากจริงๆ ที่สำคัญคือเวลาเรามูฟหรือเคลื่อนไหวเร็วๆ เขาไม่ได้ถือถ่ายไปถ่ายมาแต่เขาต้องแบกวิ่ง แบกขึ้นแบกลงด้วย คือภาพเนี้ยะด้วยความที่ว่ามันเป็น 3D จังหวะมุมต้องได้จริงๆ เพราะฉะนั้นในการถ่ายทำแต่ละซีนแต่ละฉากจะต้องค่อนข้างพิถีพิถัน ต้องใช้คำนี้เลยพิถีพิถันเหมือนเรากว่าจะทำอาหาเสร็จอย่างหนึ่งก็ต้องใช้เวล อันนี้ก็เหมือนกันกว่าจะเซ็ทกล้อง ระยะของ3มิติ ถ่ายทำกว่าจะถ่ายได้ฉากหนึ่งนี้สำหรับกล้อง 3D ค่อนข้างยาก แล้วต้องใช้อย่างต่ำคือ 2 กล่อง เรื่องนี้ใช้ 2 กล้อง กล้อง 1 ก็ 40 กิโลกรัมแบกกันคนละ 40 กิโลกรัมค่ะแล้วก็อย่างที่บอกกล้องหนักจริงๆ นะแล้วก็บางทีมุมมันไม่ชัด ไม่ได้จริงๆ ก็ต้องถ่ายใหม่ แล้วก็ต้องใช้ระยะเวลาในการเซ็ตกล้องระยะหนึ่งนะค่ะ เซ็ตกล้องจัดมุม รอกล้องโหลดนั้นโน้นนี้ หรือแม้กระทั่งก็จะมีปัญหาบ้างครั้งที่นักแสดงถ่ายได้แล้ว แต่ถ้ามุมกล้องยังไม่ได้ก็ต้องมีการเทคใหม่ ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการถ่ายทำหนังอยู่แล้ว ที่ต้องเกิดเหตุการอย่างนี้ขึ้น
Q :ฟังๆ ดูแล้วการถ่ายทำหนัง 3D โดยเฉพาะแอ็คชั่นจะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะกว่าหนังปกติโดยทั่วไป J : ค่ะ สาเหตุอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ระยะเวลาในการถ่ายทำนานขึ้น ก็คือแต่ละฉากนะค่ะ เช่นฉากพูดก็ต้องคำนึงถึงระยะความเป็น 3D เช่นคนยืนพูดกับฉากจะต้องสัมพันธ์กันให้ออกมาเป็น 3D มีระยะห่างระหว่างหน้ากับหลังมีความลึกความตื้นระหว่างคนกับฉากให้ดูเป็นมิติค่ะ หรือว่าเป็นฉากที่มีระยะห่างระหว่างมอเตอร์ไซค์ที่พุ่งออกมาจากฉากก็ต้องกะระยะของกล้องให้ดีๆ ความสัมพันธ์ระหว่างคน ของ กล้อง มันถึงทำให้การทำงานทุกอย่างค่อนข้างละเอียดมากขึ้น มันไม่เหมือนถ่ายธรรมดา อันนี้ก็เป็นงานที่ยากขึ้นมาหน่อย แต่ที่ถ่ายกล้องปกติก็รู้สึกว่าไม่ง่ายนะอันนี้ต้องบอกว่ายาก แต่อันนี้ยากกว่าค่ะ งาน 3D มันยากขึ้น อย่างที่บอกค่ะว่าถ้ากล้องธรรมดาส่วนใหญ่จะมีผู้ช่วย แค่2 คนหรือ 1 คน แต่ถ้าเป็นกล้อง 3 D จะมีผู้ช่วยเป็นหางว่าวเลยค่ะ อย่างฉากที่ต้องถ่าย 360 องศาคนรอบนอกก็ต้องเคลียร์หมด จะต้องไม่เห็นคนรอบนอกเลย ทีนี้อารมณ์เหมือนเล่นงูกินหางกันนะค่ะ คนที่ไลน์สายกล้องก็ต้องเก็บสายให้เร็วที่สุด กล้อง 40 กิโลแล้วต้องหมุนให้เร็วที่สุด คนช่วยแบกกล้องก็ประมาณ 3-4 คนเข้าไปแล้ว แล้วไลน์เส้นอีก อย่างถ้ากล้องหันมาแล้วลายสายยังเก็บไม่หมดก็ต้องเทคใหม่ก็เป็นเรื่องยากเหมือนกัน แต่ก็น่ารักดี
Q : กว่าจะเสร็จออกมาเป็นหนัง1เรื่อง คนทำ คนสร้าง รวมไปถึงนักแสดงเองดูตั้งใจกันมากๆที่จะสร้างหนังออกมาให้คนๆดูกันในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง J : คือจ้าคิดอย่างนี้ค่ะ จ้าว่าหนังไทยตอนนี้ สำหรับแอ็คชั่นไทยหลายๆ เรื่องมีคนต่างชาติรู้จักหนังไทยมากขึ้น ในส่วนของแอ็คชั่นค่อนข้างเป็นไปได้เยอะ ตั้งแต่มีองค์บาก ตั้งแต่มีต้มยำกุ้งอย่างนี้ ที่นี้ต้มยำกุ้ง 2 (3D) ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่จ้าว่าจะทำให้คนทั่วโลกจดจำอะไรได้มากขึ้น แต่ว่าสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ กลุ่มคนที่ทำให้หนังสำเร็จออกมาก็คือ ตั้งแต่คนสร้างเลยเสี่ยเจียง คนทำอย่างพี่พันนา ฤทธิไกร, พี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว, พี่ท็อป วีระพล แล้วก็พี่สตั้นแมนหลายๆ คน สำหรับต้มยำกุ้ง 2 มันมีความแปลกแตกต่างไปจากเดิม มันมีดีไซน์ที่คิดค้นขึ้นใหม่เพิ่มเติมขึ้นจากเดิมโดยที่ทุกคนล้วนแล้วแต่ตั้งใจให้ไปสู่ความเป็นสากลมากขึ้น เรื่องของต้มยำกุ้งนี้จะมีความน่าสนใจในเรื่องของอย่างที่บอกเราจะจับอะไรหลายๆ อย่างมาเล่น อย่างเช่น เรามีการนำมอเตอร์ไซค์มาเล่นแอ็คชั่น แล้วก็จะเป็นฉากที่จะขายโลเคชั่นในเมืองไทยที่สวยๆ หลายอย่าง เช่น สะพานกาญจนาภิเษก วิวที่เราจะไม่ค่อยได้เห็นกัน อย่างภาคแรกที่ผ่านๆ มาจะไปบุกที่เมืองนอกใช่ไหมค่ะ แต่ในเรื่องนี้บุกเข้าเมืองไทยโลเคชั่นจะยากมาก อย่างเช่น ถนนพระราม 3 ที่เราจะเห็นมอเตอร์ไซค์ 300 กว่าคันบุกกลางเมืองเลยแล้วเสียงจะดังมาก วงเวียน 22 กรกฎา แถวเยาวราช อย่างนี้ หรือไม่ก็ปิดถนนถ่ายอันนี้ก็ถ่ายยากพอสมควร แต่ก็สำเร็จกันได้วยดี สะพานกาญจนาภิเษกที่เราจะได้เห็นวิว ถ้าเราไม่ได้ไปยืนตรงนั้นเราก็จะไม่ค่อยได้เห็นวิวตรงนั้นสักเท่าไหร่ หรือขยับเข้ามาในเมืองอีกโลเคชั่นหนึ่งก็คือถนนราชดำริ อันนั้นก็ถือว่ากลางเมืองเลยนะ ใกล้สี่แยกราชประสงค์ค่อนข้างจะยากตรงที่ 1. คือแหล่งชุมชน จะเป็นการยากตอนการทำงานมาก แต่ก็จะฝ่าฟันไปถ่ายทำกันได้ด้วยดี
Q : แน่นอนว่ารวมทั้งการที่เราจะได้เห็น 2แอ็คชั่นซูเปอร์สตาร์ของบ้านเรา จีจ้าญาณินและจาพนม เล่นบู๊แอ็คชั่นร่วมกันเป็นครั้งแรกบนจอด้วย J :ใช่แล้ว จ้ารู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนดูหลายคนรอคอยมีคนรีเควสมานานแล้วว่าเมื่อไรจีจ้ากับจา จะได้มาเจอกันสักที เรื่องนี้ได้มาเจอกันแน่นอนค่ะ ได้มาเจอกันไม่เท่าไร ผู้กำกับแต่ละคน พี่ปรัชญา พี่พันนา พี่ท็อปนี้ บอกว่าเจอกันธรรมดาไม่ได้เอามาสู้กันดีกว่า ก็คือเรื่องนี้มาสู้กัน แต่จะสู้กันอยางไร เนื้อเรื่องเป็นอย่างไร จ้าก็อยากให้ติดตามชมกันบอกไป เดี๋ยวจะไม่มันส์ (หัวเราะ)
Q : มาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงอยากรู้แล้วว่า ต้มยำกุ้ง 2-3D เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไร J : เรื่องราวของต้มยำกุ้ง 2 จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับขามกลับมาตามหาช้างอีกครั้ง แต่คราวนี้จะไม่เหมือนเดิมหละ เป็นเนื้อเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตัวละครหลายตัวที่เข้ามาเป็นตัวแปร เช่น อย่างในเรื่องจ้าจะเล่นเป็นปิงปิงซึ่งเป็นหลานลุงสุชาติ ซึ่งชอบสะสมสัตว์หายากบังเอิญลุงได้ส่งคนไปลงพื้นที่ ไปเจอขอน ซึ่งเป็นช้างของขาม ลุงดันถูกใจมากก็เลยทำทุกวิถีทาง ขอซื้อก็แล้ว นั้นโน้นนี้ก็แล้ว ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ขอนมา ที่นี้ได้ขอนมาด้วยวิธีไหนไม่รู้หละ ขามตามหาเพราะขามเริ่มเป็นห่วงขอนก็เลยตามหาว่าช้างหายไปไหน จนเกิดเข้ามาพัวพันเป็นผู้ต้องหารอะไรสักอย่างหนึ่ง คือเกิดเป็นเรื่องราวขึ้น ทำให้เกิดความเข้าใจผิด หลานของลุงสุชาติก็เลยมีการตามล่าจนเกิดเป็นเรื่องที่พัวพันที่ใหญ่ขึ้นตามมาค่ะ ก็ติดตามชมกันได้ในเรื่องต้มยำกุ้ง 2 (3D) ค่ะ
หลากหลายแง่มุมที่คุณยังไม่รู้ทะลุจอออกมาสัมผัสตัวตนอีกด้านของแอ็คชั่นหญิงจีจ้า ญาณิน
Q : ดูจากในหนังเราจะเห็นว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้แกร่งมากสู้กับสตันท์ อัดกับผู้ร้ายแล้วตัวจริงของจีจ้าญาณินเป็นอย่างไร J : เป็นคนหลากอารมณ์ค่ะ แล้วแต่เลยว่า บ้างทีจะชิลล์ก็ชิลล์ เป็นคนซีเรียสกับงานก็ซีเรียส บทจะเป็นคนขี้กังวลก็กังวล บทจะเป็นคนที่สบายก็สบาย แต่ก็เป็นคนโผงผางบ้างทีก็พูดไม่ค่อยคิด ตรงไปตรงมา บ้างทีก็ขวานผ่าซากไป แล้วแต่เป็นคนมี 2 พาร์ทเลย บทจะใจเย็นก็ใจเย็น บทจะใจร้อนก็ใจร้อน เป็นคนจริงจัง จริงใจค่ะ บทอยากจะเล่นก็เล่นๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปเลย บทจะอยู่นิ่งๆ ก็นิ่งไปเลย อยากอ่านหนังสือ ปิดตัวเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียวเงียบๆ อะไรอย่างนี้ เป็นคนโรเมนติกบางเวลา
Q : แสดงว่าจีจ้าตัวจริงกับที่เห็นในหนังไม่เหมือนกัน J : จริงๆ จีจ้าเป็นจีจ้าค่ะ คือถ้าเริ่มจากนิสัยคิดอย่างไงก็พูดอย่างนั้น จนพอเริ่มโตแล้วก็จะรู้สึกว่าควรเก็บอารมณ์เก็บความรู้สึกไว้บ้าง เริ่มต้องใจเย็นมากขึ้น โตมาก็ใจเย็นมากขึ้นนะ ตอนเด็กๆ จะหุนหันพันแล่นใจร้อนโผงผางกว่านี้ พยายามบอกกับตัวเองให้มีเหตุผลกับทุกอย่างๆ มากขึ้น อย่าใช้อารมณ์มากเกินไป ใครที่ได้รู้จักจ้า ทุกคนจะมองภาพในฟิล์มมองภาพจากหนังจะดูเป็นสาวห้าวแก่นโน้นนี้นั้น ซึ่งจริงๆ แล้วจ้าจะเป็นคนที่เซนซิทีฟพอสมควร แล้วก็เป็นคนคิดเยอะ คิดมาก ขึ้กังวล เหมือนจะมีความมั่นใจในตัวเอง แต่บ้างครั้งก็ไม่ได้มีความมั่นใจมากนะค่ะ เหมือนเป็นคนที่ขัดแย้งในตัวเองนะค่ะ แต่มันคงไม่ถึงกับบอบบางเป็นคนอดทนต่อเรื่องของความลำบากๆ ได้ดีพอสมควร เพียงแต่ว่าเรากังวลไปเองกับในสิ่งที่เรายังไม่รู้ คิดมากไปก่อน ซึ่งหลายคนๆ คนหรือเพื่อนที่รู้จัก ก็จะค่อยบอกว่าอันนี้ยังไม่เกิดเลย อย่าพึ่งไปคิดมาก อย่าพึ่งไปอย่างนั้นอย่างนี้สิ อย่าพึ่งคิดไปก่อนอะไรอย่างนี้ค่ะ แต่พอตัวเราได้เผชิญหรือได้เจอกับอุปสรรคตัวนั้นเข้ามาในชีวิตเราจริงๆ ก็ผ่านมันไปได้เกือบทุกครั้ง เกือบทุกเรื่องนะ ก็เลยรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้เป็นคนที่อ่อนแออะไรมาก แต่จะเป็นคนที่ขี้กังวลไปก่อน อย่างในหนังคนจะคิดว่าสาวนักบู๊ต้องห้าวนั้นโน้นนี้ วันๆ นั่งเล่นเวทอะไรหรอเปล่า จริงๆ คือ อันนั้นมันเป็นพาร์ทของการทำงาน พอชีวิตเราหลังเลิกงาน ชีวิตก็เหมือนปกติทั่วไปเลย คือ ช็อปปิ้ง ชอบหาขนมอร่อยทาน วันหยุดนี้ไปสรรหาในเน็ตว่าร้านเค้กร้านไหนอร่อย บุฟเฟ่ต์ร้านเค้กร้านไหนอร่อย ราเม็งร้านไหนน่ากิน คือก็จะอย่างนี้ค่ะ ช็อปปิ้งของกระจุกกระจิก ตามเทรนด์เปล่า หรือซื้อนิตยสารแฟชั่นมาดูบ้าง เพียงแต่ความชอบของเราคือ ชอบบางอย่าง แต่ขี้เกียจทำบ้างอย่าง เช่น ขี้เกียจแต่งหน้า กระโปรงบ้าง อย่างไม่กล้าใส่ กระโปรงบ้าง อย่างกล้าใส่ อย่างกระโปรงสั้นไปอยากใส่นะแต่เรารู้สึกว่าขาเรามันเป็นกล้ามเราไม่กล้า แล้วก็จะปรับกระโปรงให้มันยาวลงมาน้อย หรือช่วงไหนที่อ้วนๆ ก็จะใส่เป็นกระโปรงยาวไปเลย อะไรอย่างนั้นมากกว่า
Q : มาถามเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์บ้าง ถ้าไม่ถ่ายหนังจีจ้าชอบทำอะไร J : ดูหนัง ฟังเพลง เพลงยังชอบแนวบอสซ่าเลย คือฟังเพลงง่ายๆ หวานๆ คือไม่ใช่ฮาสคอกระโชกโฮกฮากอะไรตลอดเวลาแบบนี้ ชอบไปทะเล แต่อารมณ์นี้ไปได้ทั้งทะเลและภูเขา ถ้ามีวันหยุดและมีตังค์ ไปหมดไปไหนก็ได้ของให้มีกลุ่มเพื่อนที่สนุกๆ ไปด้วยกันก็เท่านั้น
Q : จีจ้าญาณินมีใครเป็นไอดอล J : มีคุณแม่เป็นไอดอลค่ะ เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งและอดทนที่สุดและแกร่งที่สุด ผู้หญิงที่เรียกว่า “แม่”
Q : สิ่งที่เรียนรู้และได้รับจากการเป็นจีจ้า ญาณิน J : เก็บตัวตั้งแต่ปี 47 ช็อคโกแลตออกปี 51 ปี 2547-2551 อุ๊ยนาน คนก็รู้หมดเลยว่าตอนนี้อายุเท่าไร ตั้งแต่ปี 47-51 มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก จากผู้หญิงที่ไม่มีใครรู้จักในช่วงข้ามคืน อยู่ดีๆ ก็เป็นไอดอลของใครหลายๆ คน อยู่ดีๆ ก็มีคนมายกย่องให้เป็น ฮีโร่แอ็คชั่นหญิง จะ 10 ปีอยู่แล้วยังเขิลอยู่เลย แต่อย่างที่บอกให้นิยามว่าจ้าคืออะไร จ้าก็คือจ้าแบบนี้ ตอนปี 47 เป็นอย่างไงก็เป็นอย่างงั้น แต่จะพยายามแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเอง นิสัยที่มันไม่ดี นิสัยที่มันแย่ก็พยายามลดลง มุมมองอะไรที่มองในแง่ร้ายๆ ก็พยายามมองมันให้ดีขึ้น อย่างที่บอกก็พยายามมีเหตุผลกับตัวเองมากขึ้น เพราะเราโตขึ้นมากกว่า ย้อนกลับไปในตอนแรกสุดเลย ตอนที่จ้าได้มาทำงานตรงนี้ สิ่งที่คาดฝันไว้ มันมาก แต่กลายเป็นว่าผลตอบรับที่ได้กลับมามันมากกว่า คนชอบในสิ่งที่เราทำ และตอบรับในสิ่งที่เราทำมากๆ เลย คือ มีคนมาชื่นชม เป็นที่รักของใครต่อใคร อยู่ดีๆ มีคนรู้จักทั้งโลกอย่างนี้ จากคนโนเนมเลย และสิ่งที่ทำอยู่ทุกวันนี้พยายามรักษาระดับของตัวเอง เขาเรียกว่าอะไร สำนึก เพื่อที่จะให้รู้ไม่ลืมตัวตนตลอดเวลา คือ เตือนตัวเอง ตลอดเวลาว่าเรามาจากไหน แล้วเราอยู่แค่ไหนเราถึงจะมีความสุขที่สุด อยู่ได้แค่ไหน พยายามไม่ให้ตัวเองลอยขึ้นไป บอกความรู้สึกตัวเอง เพราะว่าเมื่อวันไหนที่เราตก เราจะได้ไม่เจ็บมากตั้งใจทำงานทุกวันอยู่แล้วค่ะ เพื่อให้คนดูเขารู้สึกว่าคุ้มค่ากับการที่เสียเงินมาดูเรา เพื่อจะได้ความบันเทิง ความรู้สึกอิ่มใจ กลับไป อยากให้นึกถึงเวลาที่จ้าตั้งใจทำงาน ในไลฟ์สไตล์ชีวิตที่จ้าจะใช้อย่างไรก็ตามนี้ คือโอเคนั้นคือชีวิตข้างนอก ชีวิตส่วนตัวละ แต่อยากให้คนเริ่มชอบเราด้วยผลงาน เพราะฉะนั้นอยากให้ตั้งใจดูผลงานที่ออกมาต่อๆ ไปมากกว่า ว่างานที่เราจะทำออกมา เนื้องานออกมาเป็นอย่างไร งานมันเป็นอย่างไร อยากให้ดูกันที่ตัวงานค่ะ
Q : สิ่งที่ภูมิใจที่สุดในชีวิต J : สิ่งที่ดีที่สุด คือ ภูมิใจในความที่หาเงินได้เองโดยการใช้ชีวิตสุจริตทุกวัน ทุกวัน คือไม่ได้ไปเบียดเบียนใครเขา ไม่ได้ไปทำร้ายใครเขาอะไรแบบนี้ หรือว่าถ้าได้ไปทำร้ายใครโดยไม่ได้ตั้งใจ ต้องขอโทษ ณ ตรงนี้ ทุกวันนี้ คืออยู่อย่างนี้แฮปปี้
Q : สุดท้ายแล้วภาพแอ็คชั่นหญิงเล่นจริงเจ็บจริง ถ้าเลือกได้นอกจากบทบาทแอ็คชั่นแล้วมีบทแบบไหนที่อยากเล่นอีกบ้าง J : คือมันเป็นภาพจำไปแล้วเนอะ คำว่า เล่นจริงเจ็บจริง ใครคิดคำนี้ (หัวเราะ) แต่ว่ามันก็เจ็บจริง ในตอนแรก ครั้งแรกสุด คือมันเจ็บจริงนะ ชินบอกไม่ถูก ไม่รู้เหมือนกันมันชินไปเอง กับคำๆ นี้ แต่ในชีวิตจริงถ้าเลือกได้ก็ไม่ได้อยากเจ็บจริงตลอดเวลา อยากจะหวานจริง โรแมนติกจริงๆ นะคะ
-นท-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit