กรุงเทพฯ--22 ส.ค.--จ็อบสตรีท
จ็อบสตรีทดอทคอมเผยผลสำรวจล่าสุด เรื่องแนวโน้มการเปลี่ยนงาน พบว่า 82% ขององค์กรที่ทำแบบสำรวจกำลังเผชิญกับปัญหาลูกจ้างมีแนวโน้มเปลี่ยนงานบ่อย และมองว่าลูกจ้างในกลุ่มเจนวาย (Gen Y) จะมีแนวโน้มการเปลี่ยนงานบ่อย โดย 95% คือ กลุ่มลูกจ้างที่มีอายุระหว่าง 21-30 ปี
การสำรวจครั้งนี้ สำรวจจากองค์กรจำนวน 510 องค์กร ในหลากหลายธุรกิจ เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยหลายองค์กรเป็นกังวลกับแนวโน้มการเปลี่ยนงานบ่อยของพนักงาน โดยเฉพาะกลุ่มเจนวายที่ส่วนใหญ่จะทำงานอยู่กับบริษัทได้ไม่เกิน 1 ปี โดยฝ่ายบุคคลมองว่า เหตุผลที่คนกลุ่มนี้ตัดสินใจลาออก เนื่องจากต้องการรายได้และค่าตอบแทนที่มากกว่าเดิม รองลงมาคือ เข้ากับสภาพแวดล้อมการทำงานในองค์กรไม่ได้ และต้องการทำงานที่ท้าทายและมีความก้าวหน้ากว่าเดิม นอกจากนี้ เมื่อให้นายจ้างเปรียบเทียบคุณสมบัติของลูกจ้างกลุ่มเจนวายกับลูกจ้างรุ่นก่อนยังพบว่า 85% ของนายจ้างมีความเห็นว่า คนกลุ่มเจนวายมีความอดทนน้อยกว่าคนรุ่นก่อน รองลงมา 62% เห็นว่า คนกลุ่มเจนวายมีความเป็นระเบียบและรักษากฎเกณฑ์น้อยกว่าคนรุ่นก่อน และอีก 56% เห็นว่า กลุ่มเจนวายมีความขยันและทุ่มเทในการทำงานน้อยกว่าคนทำงานรุ่นก่อน
ส่วนผลสำรวจจากลูกจ้างจำนวน 7,799 คน พบว่า ลูกจ้างส่วนใหญ่คิดเป็นร้อยละ 89 มีความเห็นว่า การเปลี่ยนงานบ่อยไม่ใช่เรื่องไม่ดีหรือเสียหาย แต่มันคือโอกาสที่ทำให้พวกเขาได้ทำงานที่ชอบและมีความสุขในการทำงาน, เป็นช่องทางที่จะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย และเป็นหนทางที่จะทำให้เติบโตขึ้นในสายอาชีพ ในขณะที่ 65% ของลูกจ้างที่ทำแบบสำรวจทำงานอยู่กับบริษัทปัจจุบันไม่เกิน 2 ปี และในจำนวนนี้ 3 ใน 4 คิดที่จะเปลี่ยนงานใหม่
นางสาวฐนาภรณ์ สถิตพันธุ์เวชา ผู้จัดการสาขาประเทศไทย บริษัท จ็อบสตรีท (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “การเปลี่ยนงานบ่อยอาจสร้างความกระตือรือร้นและประสบการณ์ใหม่ๆ สำหรับคนเจนวาย แต่สำหรับคนที่มีพฤติกรรมเปลี่ยนงานบ่อยควรตระหนักว่า มันเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความโลเลและไม่อดทนในการทำงาน สิ่งเหล่านี้จะถูกบันทึกลงไปในประวัติการทำงาน และนายจ้างเองก็มีแนวโน้มที่จะไม่จ้างงานผู้หางานที่มีประวัติการเปลี่ยนงานบ่อยๆ”
ผลกระทบต่อบริษัทกับปัญหาการเปลี่ยนงานบ่อย ก็คือ บริษัทต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการสรรหาและฝึกอบรมพนักงานใหม่ตลอดเวลา นอกจากนี้ ปัญหาอัตราการลาออกสูงของพนักงานในองค์กรยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อผลผลิตขององค์กร รวมถึงการสูญเสียเวลาไปกับการสัมภาษณ์งาน, จ้างงานใหม่, และฝึกอบรม อีกด้วย และเมื่อถามกลุ่มนายจ้างเกี่ยวกับมาตรการที่คิดว่าจะทำให้รักษาพนักงานเอาไว้ได้ พบว่า 3 ปัจจัยหลักที่นายจ้างเห็นว่าควรปรับปรุงเพื่อรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กร ได้แก่ การเพิ่มแรงจูงใจในด้านค่าตอบแทนที่สอดคล้องกับผลงาน, การสร้างบรรยากาศของความสัมพันธ์อันดีระหว่างพนักงานด้วยกันและพนักงานกับฝ่ายบริหาร และเพิ่มแรงกระตุ้นโดยเปิดโอกาสให้เรียนรู้และเติบโตในสายอาชีพ
“สิ่งที่สำคัญที่สุดที่คนทำงานควรแสดงให้นายจ้างเห็นคือ การพัฒนาศักยภาพในการทำงานอยู่เสมอ เพื่อให้สามารถสร้างผลงานหรือผลผลิตที่ก่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มต่อบริษัทได้ ไม่ว่าจะทำงานในอาชีพใดก็ตาม การตัดสินใจเปลี่ยนงานก่อนทำงานครบ 2 ปี ควรใช้ความรอบคอบอย่างมาก อย่าเลือกที่จะลาออกโดยที่ยังไม่ได้เรียนรู้อะไรหรือสร้างผลงานอะไรขณะที่อยู่ในองค์กรนั้นๆ” นางสาวฐนาภรณ์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับคนทำงานที่ต้องการแรงบันดาลใจหรือเคล็ดลับดีๆ ในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ สามารถเข้าไปอ่านบทความจากเหล่ากูรูด้านการสร้างแรงบันดาลใจได้ที่ www.jobstreet.com/th/careertips
เกี่ยวกับจ็อบสตรีทดอทคอม ประเทศไทย
จ็อบสตรีทดอทคอมได้ดำเนินงานร่วมกับบริษัท สนุก ออนไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นเว็บไซต์อันดับหนึ่งในประเทศไทยเมื่อเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2552 และมุ่งมั่นที่จะขยายบริการจัดหางานออนไลน์ในประเทศไทย เพื่อช่วยให้ผู้หางานในประเทศไทยมีโอกาสหาตำแหน่งงานที่ต้องการทั้งภายในและต่างประเทศ ปัจจุบันให้บริการแก่องค์กรและบริษัทมากกว่า 17,000 แห่ง และผู้หางานมากกว่า 580,000 ราย
ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ ศรินยา เปรมปรีชากุล (เอ)
บริษัท จัดหางาน จ็อบสตรีท (ประเทศไทย) จำกัด
มือถือ: 091 886 4410
โทรศัพท์: 02-769-9399 ต่อ 403
โทรสาร : 02-717-1004
Email: [email protected]
-กภ-
สามารถคลิกดูภาพประกอบได้ที่ www.thaipr.net
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit