กรุงเทพฯ--19 ส.ค.--ชม ฉวีวรรณ
บริษัท มายเปย์ จำกัด (MyPay) ผู้นำนวัตกรรมด้านการบริการตู้เติมเงินและชำระเงินออนไลน์ ไร้ค่าธรรมเนียม ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ประกาศเดินเกมรุกขยายธุรกิจเต็มรูปแบบ ชูจุดเด่นตู้ชำระเงินและเติมเงินออนไลน์ ไร้ค่าธรรมเนียม ผ่านกลยุทธ์การขยายธุรกิจผ่านตัวแทนในรูปแบบดีลเลอร์และแฟรนไซส์ เตรียมทุ่มงบขยายตลาดใน 5 ปี กว่า 1,000 ล้านบาท เน้นกลยุทธ์การสร้างแบรนด์และพัฒนาระบบปฏิบัติการรองรับการขยายบริการสู่ประเทศในกลุ่ม AEC ตั้งเป้าขยายจำนวนตู้มายเปย์ในไทยเป็น 2,000 ตู้ในปี 2557
นายธนกร ยิ้มสำรวย ผู้อำนวยการฝ่ายการขาย บริษัท มายเปย์ จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมายเปย์ถือได้ว่าเป็นผู้นำนวัตกรรมการให้บริการตู้เติมเงินและชำระเงินออนไลน์ที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย โดยได้เปิดให้บริการตู้มายเปย์ครั้งแรก ในปี 2554 ที่จังหวัดชลบุรี และภูเก็ต ซึ่งในปัจจุบันมีตู้มายเปย์ให้บริการใน 2 จังหวัดนี้ รวมแล้วกว่า 400 ตู้ ซึ่งสำหรับการขยายจำนวนตู้มายเปย์ในจังหวัดอื่นๆ นั้น ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเจรจา โดยจะเน้นการขยายการติดตั้งตู้มายเปย์ในพื้นที่ชุมชน และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีผู้ใช้บริการตู้มายเปย์มากกว่า 40,000 รายต่อเดือน และพบว่ามีจำนวนการใช้บริการกว่า 5,000 ครั้งต่อวัน โดยผู้ใช้ต่างรู้สึกประทับใจในความสะดวกรวดเร็วของการใช้บริการที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม อีกทั้งการใช้บริการแต่ละครั้งใช้เวลาเพียง 20 วินาทีเท่านั้น
“สำหรับแผนการขยายธุรกิจในปี 2556 นี้ ทางบริษัทฯ ได้วางแผนรุกตลาดอย่างเต็มรูปแบบ โดยเตรียมงบประมาณในการลงทุนใน 5 ปีนี้ รวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบลงทุนสำหรับการผลิตตู้มายเปย์ 50เปอร์เซ็นต์ งบลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาซอฟแวร์ในการให้บริการ 25 เปอร์เซ็นต์ และงบลงทุนในการสร้างแบรนด์และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาด 25 เปอร์เซ็นต์ โดยตั้งเป้าขยายจำนวนตู้มายเปย์ในประเทศไทยเป็นไม่น้อยกว่า 2,000 ตู้ในสิ้นปี 2557 พร้อมด้วยการยกระดับการบริการให้ครอบคลุมในรูปแบบการชำระเงินโพสต์เพด (POST-PAID) ในต้นปี 2557”
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ จะเน้นกรุงเทพฯ เป็นยุทธศาสตร์สำคัญ โดยปัจจุบันได้มีตู้มายเปย์ที่เปิดให้บริการในกรุงเทพฯ รวมกว่า 100 ตู้ โดยติดตั้งในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ทั้ง 18 สถานี, ท็อป ซุปเปอร์มาร์เก็ต, เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขา รัชโยธิน เอกมัย ปิ่นเกล้า, เจเจ มอลล์ และแฟมิลี่ มาร์ท พร้อมบางส่วนที่เตรียมติดตั้งเพิ่มบริเวณด้านหน้าร้านสะดวกซื้อแฟมิลี่มาร์ทรวมเป็น 200 ตู้ในสิ้นเดือนตุลาคมนี้ ในขณะเดียวกันสำหรับการขยายจำนวนตู้มายเปย์ให้ครอบคลุมจังหวัดใหญ่ทั่วประเทศ ทางบริษัทฯ เน้นการขยายผ่านดีลเลอร์และแฟรนไซส์ โดยผู้สนใจสามารถลงทุนตู้มายเปย์ในราคาตั้งแต่ 59,900 – 78,000 บาทต่อตู้ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนตู้มายเปย์ได้ไม่น้อยกว่า 1,000 ตู้ทั่วประเทศภายในปีนี้ ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงขึ้นกว่าปีที่ผ่านมาถึง 100 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว
นอกจากนี้ นายธนกร ได้กล่าวเพิ่มเติมถึงแผนการขยายธุรกิจเพื่อรองรับ AEC ว่า นอกเหนือจากการขยายธุรกิจในประเทศไทยแล้ว ทางบริษัทได้วางแผนที่จะขยายการให้บริการสู่ประเทศเพื่อนบ้านเพื่อรองรับการเปิดประเทศในอีก 2 ปีข้างหน้า ซึ่งทางบริษัทฯ ได้วางแผนในเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งเทคโนโลยีของตู้มายเปย์สามารถรองรับการให้บริการได้อย่างไม่จำกัด ผ่านการอัพเดทซอฟแวร์เพื่อรองรับธนบัตรและสกุลเงินของประเทศอื่นๆได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟแวร์และรูปแบบการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับการให้บริการชำระเงินหรือเติมเงินผ่านตู้มายเปย์ให้ครบวงจรเพื่อเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งสำหรับผู้ใช้บริการ -นท-
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit