“PetroTrade” แต่งตั้ง “APMLAO” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว ตั้งเป้าเพิ่มสาขาปีละ 30 แห่ง หวังก้าวขึ้นสู่ผู้นำ

15 Nov 2013
บริษัท ปิโตรเลียม เทรดดิ้ง ลาว จำกัด หรือ “PetroTrade” แต่งตั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอพีเอ็มลาว จำกัด หรือ APMLAO เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว เนื่องจากธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากความต้องการน้ำมันพุ่งจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการลงทุนของรัฐบาลในโครงการขนาดใหญ่ โดยบริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างคลังเก็บน้ำมันเพิ่มอีก 2 แห่งเพื่อรองรับการเติบโตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า และยังตั้งเป้าขยายสาขาเพิ่มปีละ 20-30 แห่งเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจสถานีบริการน้ำมัน

นายจันทอน สิดทิชัย ประธานอำนวยการ บริษัท ปิโตรเลียม เทรดดิ้ง ลาว จำกัด หรือ “PetroTrade” ผู้ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงผ่านสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้า “PLUS” เปิดเผยว่า บริษัทได้แต่งตั้งบริษัท หลักทรัพย์ เอพีเอ็มลาว จำกัด หรือ APMLAO เป็นที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลาว ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นผลจากความต้องการน้ำมันจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป,ลาว) ที่อยู่ในระดับสูง จึงส่งผลให้ความต้องการใช้วัตถุดิบไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน ยางและเหล็ก เติบโตตามไปด้วย

ประกอบกับรัฐบาลของสปป.ลาวได้มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่หลายโครงการ เพื่อรองรับกับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ในปลายปี 2558 ทำให้ธุรกิจของบริษัทได้รับผลประโยชน์ตามไปด้วย ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมผ่าน 3 ช่องทาง คือ จำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปผ่านสถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมาย “PLUS” กว่า 106 แห่งทั่วประเทศ จำหน่ายให้กับอุตสาหกรรมและโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ และจำหน่ายแบบค้าส่งให้กับผู้ค้าน้ำมันรายอื่น

“เพื่อรองรับการเติบโตของปริมาณการใช้น้ำมันในอีก 2-3 ปีข้างหน้า บริษัทได้ก่อสร้างคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มอีก 2 แห่งคือ คลังน้ำมันปากเซ สามารถจัดเก็บน้ำมันได้ถึง 700,000 ลิตร และคลังน้ำมันเครื่องบินที่สามารถจัดเก็บน้ำมันได้ถึง 1.3-1.5 ล้านลิตร จากปัจจุบันที่มีอยู่ 4 แห่งและสามารถจัดเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงได้ถึง 2,770,000 ลิตร นอกจากนี้จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของคือ บริษัทมีรถขนส่งบริการน้ำมันของตัวเองกว่า 100 คันในเส้นทางการขนส่งภายในละภายนอกประเทศ ทำให้บริษัทไม่เคยมีปัญหาด้านการขนส่งน้ำมันอย่างแน่นอน”นายจันทอน กล่าว

นอกจากนี้ภายในสภานีบริการน้ำมัน ยังมีการให้เช่าพื้นที่สำหรับร้านค้า อาทิ ร้านค้าสะดวกซื้อภายใต้ตราสินค้า “Plus Mart” ธุรกิจคาร์แคร์ภายใต้ชื่อ “Moly Care” ให้บริการล้างรถ ขัดเคลือบสีและดูแลรักษาสีรถยนต์ และร้านกาแฟ ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้จากค่าธรรมเนียมซึ่งเป็นรายได้เสริมนอกเหนือจากรายได้จากการจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิง

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทหลักทรัพย์ เอพีเอ็มลาว จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ปิโตรเลียม เทรดดิ้ง ลาว จำกัด เปิดเผยว่า รู้สึกปลาบปลื้มใจที่มีโอกาสได้ร่วมทำงานกับบริษัทที่มีชื่อเสียงที่ดี มีพื้นฐาน ศักยภาพ และโอกาสที่เติบโตอย่างสูง โดยรายได้ของบริษัทในปี 2555 อยู่ที่ประมาณ 6,000 ล้านบาท เติบโต 30% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2554 โดยปัจจัยหนุนมาจากการที่บริษัทขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มต่อเนื่องอย่างน้อยปีละ 20-30แห่ง และคาดว่าจะสามารถขยายสถานีบริการได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมจากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ลาวในปี 2014

“นอกจากผู้บริหารมีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมแล้ว บริษัทมีแผนการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจนและมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงในสปป.ลาว จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งคือบริษัทเป็นเครือข่ายหนึ่งของกลุ่มบริษัทพงสะหวัน ที่มีธุรกิจมากมายทั้งธนาคารและสายการบิน ซึ่งทำให้เชื่อว่าเมื่อบริษัท ปิโตรเลียม เทรดดิ้ง ลาว จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะได้รับการตอบรับอย่างท่วมท้นอย่างแน่นอน ”นายสมภพ กล่าว