ไอคาร์ เอเชีย (iCarAsia) ทุ่มงบปรับโฉม ThaiCar.com ย้ำภาพผู้นำสื่อออนไลน์ธุรกิจยานยนต์ของโลก

26 Nov 2013
ไอคาร์ เอเชีย (iCarAsia) ทุ่มงบปรับโฉม ThaiCar.com ย้ำภาพผู้นำสื่อออนไลน์ธุรกิจยานยนต์ของโลก-พร้อมเผยผลวิจัยล่าสุดสะท้อนอิทธิพลสื่อออนไลน์ต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคในปัจจุบัน-

ไอคาร์ เอเชีย (iCarAsia) ยักษ์ใหญ่ธุรกิจออนไลน์ด้านยานยนต์ของโลก ประกาศรุกตลาดเมืองไทยแบบ เต็มสูบ ด้วยการปรับโฉมใหม่ ThaiCar.com หนึ่งในเว็บไซต์ผู้นำด้านการซื้อขายรถยนต์ของเมืองไทย ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ณ ปัจจุบัน บนพื้นฐานผลการวิจัยล่าสุดจากทั่วอาเซียนที่ดำเนินการวิจัยโดย Frost & Sullivan

มร. เดมอน ไรลีย์ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไอคาร์ เอเชีย จำกัด เปิดเผยว่า ปัจจุบัน ไอคาร์ เอเชีย ถือเป็นเบอร์ 1ของธุรกิจศูนย์กลางข้อมูลด้านยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน โดยล่าสุด ไอคาร์ เอเชีย ได้ทำการวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค พบว่า ผู้ซื้อ 9จาก 10ราย จะทำการค้นหาข้อมูลรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ก่อนจะเข้าไปติดต่อขอข้อมูลที่โชว์รูม ทั้งนี้ผลการวิจัยยังระบุอีกว่า ผู้ซื้อรถยนต์ชาวไทยกว่า 78%ใช้เวลาตัดสินใจซื้อรถยนต์ภายใน 3เดือน โดยเฉลี่ยใช้เวลาอยู่ที่ 2.4เดือน ในขณะที่ผู้ซื้อชาวอินโดนีเซียใช้เวลา เฉลี่ยที่ 1.9เดือน และผู้ซื้อชาวมาเลเซียใช้เวลาเฉลี่ยที่ 2.4เดือน

“กว่า 96%ของผู้ตอบแบบสำรวจในไทยจะเข้าชมข้อมูลรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์เฉลี่ย 9.05 ครั้ง ในขณะที่ใช้เวลาเพียง 3.14ครั้งในการเข้าชมรถยนต์ที่โชว์รูมตัวแทนจำหน่าย และที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ซื้อกว่า 90%จะนิยมหาข้อมูลผ่านเว็บไซต์ที่เป็นที่นิยมมากกว่าการเข้าชมเว็บไซต์ที่ถูกพัฒนาโดยค่ายรถยนต์แบรนด์ต่างๆ โดยมีอัตราอยู่ที่ 77% ซึ่งถือได้ว่าบทบาทของสื่อออนไลน์นั้นมีอิทธิพลต่อผู้ซื้อชาวไทยอย่างมาก โดยเฉพาะการสร้าง Word of Mouth เพื่อส่งผลต่อการตัดสินใจซื้ออย่างเห็นได้ชัด โดยการวิจัยยังสะท้อนให้เห็นว่าผู้ซื้อในปัจจุบันจะมีความชัดเจนในความต้องการของตนโดยจะมีการหาข้อมูลพื้นฐาานจากสื่อออนไลน์ก่อนหน้าที่จะเข้าไปติอต่อยังตัวแทนจำหน่าย จึงเป็นเหตุให้ค่ายรถยนต์หลายแบรนด์หันมาให้ความสำคัญกับการใช้สื่อออนไลน์ในการสอดแทรกข้อมูลและจุดขายให้เกิดการยอมรับในกลุ่มลูกค้าเพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย”มร. เดมอน ไรลีย์กล่าว

อย่างไรก็ตาม ผลการวิจัยยังบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า เหตุผลที่สื่อออนไลน์ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้ซื้อเพราะสื่อออนไลน์ถือเป็นสื่อเดียวที่สามารถรวมข้อมูลและภาพของรถยนต์แบรนด์และรุ่นต่างๆ ตลอดจนบทวิเคราะห์ที่น่าสนใจมาไว้ในที่เดียว ซึ่งตอบโจทย์อย่างมากกับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคมยุคปัจจุบัน โดยผู้ซื้อรถยนต์ชาวไทย 67%จะสนใจเข้าชมข้อมูลสเปครถยนต์รุ่นต่างๆ ในขณะที่ 57%สนใจชมการแสดงความคิดเห็นของกลุ่มผู้ใช้รถยนต์นั้นๆ และ 45%สนใจชมภาพในหลากหลายมุมของรถยนต์เป้าหมาย“การปรับโฉมทั้งในด้านดีไซน์และโครงสร้างของ ThaiCar.comในครั้งนี้นั้น เรายังพัฒนาต่อยอดเพื่อเอื้อสู่การใช้งานผ่านหน้าจอโทรศัพท์มือถือด้วยโดยได้เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมได้มากถึง 28% โดยกว่า 52%ของผู้เข้าชมเว็บไซต์ ThaiCar.comในเดือนตุลาคมมาจากการเข้าชมผ่านโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ต โดยปณิธานหลักในการพัฒนา ThaiCar.comนั้น เราไม่ได้มุ่งหวังเพียงแค่จะก่อให้เกิดการซื้อขายเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญอีกประการคือการพัฒนา ThaiCar.comให้ก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางข้อมูลอันเป็นประโยชน์เพื่อให้ผู้บริโภคใช้เป็นดัชนีในการตัดสินใจซื้อได้อย่างมีศักยภาพ”มร. เดมอน ไรลีย์กล่าวอย่างเชื่อมั่น

ด้านนางณัฐธนธร ฟอร์ด ผู้จัดการทั่วไป ประจำประเทศไทย บริษัท ไอคาร์ เอเชีย จำกัด กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดรวมรถยนต์มือสองมีมูลค่ารวมอยู่ที่ 280,000ล้านบาท โดยคาดว่าในปีนี้จะเติบโตประมาณ 5-10% ปัจจุบัน ThaiCar.comมีกลุ่มลูกค้าประมาณ 2,200ราย ซึ่งมากที่สุดในเมืองไทย สำหรับกลุ่มลูกค้าของThaiCar.com ในปัจจุบันนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็น3 กลุ่มหลักๆ ประกอบด้วยผู้ประกอบการรถยนต์มือสอง, ตัวแทนขายรถใหม่ และกลุ่มผู้ขายรถส่วนบุคคลหรือรถบ้านโดยจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เติบโตอย่างต่อเนื่อง (88%) นับตั้งแต่ที่ ไอคาร์ เอเชีย ได้เข้ามาบริหารตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา

“จุดขายที่เหนือกว่าของเราคือประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบริษัท ไอคาร์ เอเชีย จำกัด ในการพัฒนาสื่อออนไลน์และเว็บไซต์ รูปแบบบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือและอยู่ในตลาดหุ้น ASXประเทศออสเตรเลียพร้อมมีมูลค่าการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์สูงกว่า 4,500ล้านบาท ที่ทำให้เรามีงบประมาณดำเนินธุรกิจอย่างมั่นคงเพื่อวางกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดได้อย่างมีศักยภาพ โดยเรามุ่งมั่นพัฒนาThaiCar.com ให้สามารถตอบสนองการใช้งานของผู้บริโภคให้มากขึ้น ที่สำคัญต้องช่วยให้ลูกค้าของเราสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนเก็บข้อมูลของรายการรถให้แม่นยำและเที่ยงตรงให้มากที่สุด เพื่อเป็นประโยชน์ให้แก่ผู้บริโภคในการเลือกซื้อเช่นเดียวกัน” นางณัฐธนธร ฟอร์ด กล่าวสรุป