นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ความรุนแรงต่อเด็กและสตรี เป็นปัญหาสำคัญของสังคมที่ต้องเร่งดำเนินการ ทั้งด้านการป้องกัน แก้ไข และช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาอย่างจริงจัง โดยหน่วยงานราชการและองค์กรเอกชน รวมทั้งต้องอาศัยความเข้าใจและร่วมมือของคนในสังคม เนื่องจากเป็นปัญหาที่มีความละเอียดอ่อน ในระดับสากล ปัญหาความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ได้รับการยอมรับว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกสังคม และเป็นประเด็นที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายในการแก้ไข องค์การสหประชาชาติ ได้รับรองให้ทุกวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ของทุกปี เป็นวันขจัดความรุนแรงต่อสตรีสากล สำหรับประเทศไทยได้มีมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๒ กำหนดให้เดือนพฤศจิกายนของทุกปี เป็นเดือน “รณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี”
ทั้งนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้มีการรณรงค์ให้ทุกคนตระหนักและให้ความสำคัญกับการยุติปัญหาความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงาน เดินขบวนรณรงค์ยุติความรุนแรงทุกรูปแบบ ที่สนามกีฬาธูปะเตมีย์ ซึ่งได้รับการตอบรับจากหลายภาคส่วนที่มาร่วมบูรณาการการรณรงค์ร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน สมาคมภริยาทหาร ตำรวจทุกเหล่าทัพ และสมาชิกกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ตลอดจนสื่อมวลชน เข้าร่วมงานกว่า ๒๐,๐๐๐ คน
นางปวีณา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ที่จะถึงนี้ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ได้กำหนดจัด “งานรณรงค์ยุติความรุนแรง” ณ สนามกีฬากองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต เป็นการตอกย้ำให้ทุกคน ในสังคมเห็นความสำคัญ ไม่เพิกเฉยต่อความรุนแรงทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นในสังคม โดยจะมีผู้เข้าร่วมงานจากเครือข่ายสตรี ทั้งภาครัฐ และเอกชน จำนวนกว่า ๑,๐๐๐ คน และในวันเดียวกัน ที่จังหวัดปัตตานี ได้จัดกิจกรรมรณรงค์ “รวมพลังผู้หญิงชายแดนใต้ ยุติความรุนแรงทุกรูปแบบ” ณ โรงแรม ซี เอส ปัตตานี อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกันของคณะกรรมการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีระดับตำบล เครือข่ายผู้หญิงยุติ ความรุนแรงแสวงสันติภาพ ๓ จังหวัดชายแดนใต้ กลุ่มแรงงานสตรีจังหวัดปัตตานี เครือข่ายภาครัฐ เอกชน ข้าราชการ ทหาร และตำรวจ โดยตนเป็นประธานเปิดงาน มีกิจกรรมประกอบด้วย การเดินรณรงค์ยุติความรุนแรง การแสดงวัฒนธรรมจากอำเภอรามัน จังหวัดยะลา การเสวนา การแสดงนิทรรศการ และการมอบเงินทุนประกอบอาชีพ และทุนการศึกษา ให้แก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบ โดยจะมีผู้ร่วมงานจำนวน กว่า ๑,๘๐๐ คน
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit