นางปวีณา หงสกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ปัญหาความรุนแรง ต่อเด็ก สตรี และครอบครัวนับเป็นปัญหาสำคัญทางสังคมที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาศักยภาพเด็กและสตรี ส่งผลให้ครอบครัวต้องแบกรับภาระที่ยาวนาน ทั้งการดำเนินคดี การรักษาพยาบาล การบำบัดฟื้นฟู ทั้งผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำ รวมถึงสมาชิกในครอบครัว ทำให้รัฐต้องสูญเสียงบประมาณจำนวนมากในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวและเป็นอุปสรรคในการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ลดลง
พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ถูกกระทำความรุนแรงในครอบครัว พ.ศ.๒๕๕๐ มีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ เป็นเวลา ๖ ปี ซึ่ง พ.ร.บ.ดังกล่าว เป็นกลไกและเครื่องมือในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาในครอบครัวเมื่อเกิดความรุนแรงขึ้น โดยการคุ้มครองเยียวยาผู้ถูกกระทำ และผู้กระทำเข้าสู่กระบวนการของกฏหมายที่กำหนดไว้ และกำหนดให้ทุกภาคส่วนประสานพลังกัน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้เกี่ยวข้อง และภาคประชาชน ร่วมกันแก้ไขปัญหา แต่สถานการณ์ความรุนแรงในปัจจุบันยังไม่ลดน้อย กลับมีแนวโน้มเพิ่มจำนวนมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยติดอันดับ ๒ ใน ๗๕ ประเทศ ที่เชื่อว่าความรุนแรงต่อภรรยาเป็นสิ่งที่รับได้ ข้อมูลจากผลการวิจัยของกองทุนสหประชาชาติเพื่อยุติความรุนแรงต่อสตรี (UN Women) ปัจจัยหนึ่งเกิดจากทัศนคติดั้งเดิม กฏหมายคลุมเครือไม่ชัดเจน ก่อให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมายของบุคลากรในกระบวนการยุติธรรม และผู้ถูกกระทำขาดความรู้ความเข้าใจ ไม่สามารถเข้าถึงสิทธิและกระบวนการตามที่กฎหมายกำหนด กอปรกับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ได้แก่ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ภาครัฐ และผู้เกี่ยวข้อง ยังขาดความรู้ความเข้าใจแนวทางปฏิบัติต่างๆ ซึ่งกฏหมายกำหนดไว้ไม่ชัดเจน จึงนำไปสู่การแก้ไขปัญหาความรุนแรงไม่ได้อย่างจริงจัง
นางปวีณา กล่าวเพิ่มเติมว่า เนื่องจากวันที่ ๒๕ พฤศจิกายน ของทุกปีเป็น “วันยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี” กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ และสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ได้ตระหนักถึงความสำคัญของปัญหาดังกล่าว จึงได้ร่วมกันจัดโครงการสัมมนาเรื่อง “เดินหน้า แลหลัง ๖ ปี กับการบังคับใช้กฏหมายความรุนแรงในครอบครัว ยุติได้จริงหรือ” เพื่อทบทวนสภาวการณ์ความรุนแรง กฎหมายที่เกี่ยวข้องและระดมความคิด หาแนวทางและวิธีการแก้ไขปัญหา ที่เหมาะสม สร้างความตระหนัก ปลูกจิตสำนึก ร่วมรณรงค์รวมพลังเป็นเครือข่าย ร่วมใจต่อต้านและขจัดภัยความรุนแรง ทุกรูปแบบให้ลดน้อยลง เพื่อป้องกันคุ้มครองสตรีและครอบครัวปราศจากการกระทำความรุนแรง และส่งเสริมให้สถาบันครอบครัวมีความเข้มแข็ง สังคมสงบสุข เกิดการพัฒนาประเทศอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ทั้งช่วยลดภาระของภาครัฐ ในการแก้ไขปัญหาดังกล่าวอีกด้วย
ติดต่อเราได้ที่ facebook.com/newswit